มิติหุ้น – ดีน แอนด์ เดลูก้า ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เน้นการขยายสาขาแบบให้สิทธิแฟรนไชส์โดยการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจระดับโลก โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุน ความเสี่ยงต่ำ และสามารถรับรู้รายได้จากการเก็บค่าสิทธิได้ทันที
โดยนายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PACE เจ้าของแบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า ทั่วโลก เปิดเผยว่า “เพื่อตอบสนองความตั้งใจของเพซที่จะต่อยอดแบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้าอันเปี่ยมศักยภาพไปสู่ตลาดโลก จึงได้วางกลยุทธ์ในการขยายแบรนด์โดยการให้สิทธิแฟรนไชส์กับคู้ค่าที่มีเครือข่ายระดับโลก
ล่าสุดได้เซ็นสัญญากับ Lagardère Travel Retail ให้เอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์เพื่อเปิดร้าน ดีน แอนด์ เดลูก้า ในสนามบิน สถานีรถไฟ และจุดท่องเที่ยวหรือ Travel Hub โดยตั้งเป้าขยาย 150 สาขาภายใน 5 ปี และภายในปี 2019 จะเปิดอย่างน้อย 30 สาขา และคาดการณ์รายได้จากการให้สิทธิแฟรนไชส์กับพาร์ทเนอร์เจ้านี้ประมาณ 600 ล้านบาท
“โดยจากนี้ไป การหาพาร์ทเนอร์เพื่อให้สิทธิแฟรนไชส์ จะโฟกัสไปที่พาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพและมีโลเคชั่นของร้านที่ดี เพราะจากประสบการณ์ของเราโลเคชั่นที่ดีสามารถทำยอดขายและรายได้ได้มากกว่าร้านที่มีจำนวนเยอะ แต่ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลุกค้าเป้าหมายได้” นายสรพจน์กล่าว
จากการทำสัญญาในครั้งนี้ Lagardère Travel Retail จะเปิดอย่างน้อย 150 สาขาภายใน 5 ปี และคาดว่าจะสามารถทำรายได้อย่างน้อยสาขาละ 100 ล้านบาทต่อปี ทำให้ดีน แอนด์ เดลูก้าสามารถรับรู้รายได้จากค่าเก็บสิทธิ Royalty Fee ที่ประมาณ 4 ล้านบาทต่อสาขาต่อปี ซึ่งเมื่อขยายได้ครบ 150 สาขา จะทำให้สามารถเก็บค่าสิทธิหรือ Royalty Fee ได้มากถึง 600 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังสามารถนำสินค้ารีเทล แบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้าไปขายในร้าน Travel Essentials ในโลเคชั่นต่างๆ กว่า 2,900 แห่ง ที่ทางLagardère Travel Retail มีร้านค้าทั่วโลกอยู่แล้วอีกด้วย
ปัจจุบัน ดีน แอนด์ เดลูก้า มีสาขาทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 78 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ จำนวน 36 สาขา ใน 12 ประเทศ และเพซฯ เป็นเจ้าของกิจการในสหรัฐอเมริกา จำนวน 6 สาขา ในประเทศไทยจำนวน 12 สาขา และยังถือหุ้นร้อยละ 50 ใน ดีน แอนด์ เดลูก้า แบบคาเฟ่ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 24 สาขา อีกทั้งยังมีแผนขยายสาขาทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยสาขาที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ สาขา meatpacking ในนครนิวยอร์ค ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการภายในไตรมาสแรกปี 2562
