BBL สินเชื่อรายใหญ่พุ่งช่วงครึ่งปีหลัง-เป้า 224 บ.

104

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ”  BBL เป้าหมาย 224 บาท แนวโน้มผลงานช่วงไตรมาส 2/62 คาดกำไรที่ 9.2 พันล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดยคาดค่าธรรมเนียมสุทธิมีการเติบโตได้ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจประกันที่เป็น Partner กับ AIA และกองทุนรวม รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์มีมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่สินเชื่อรวมไตรมาส 2/62 คาดว่าจะหดตัวลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือ 2% เมื่อเทียบกับต้นปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ฝ่ายวิจัยทำไว้ที่ 5% เมื่อเทียบปับปีก่อน  เพราะสินเชื่อรายใหญ่ยังไม่เข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐ

ส่วน NIM คาดไว้ที่ 2.43% ทรงตัวเมื่อเทียบไตรมาสก่อน ขณะที่การตั้งสำรองฯจะลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีระดับ Coverage Ratio อยู่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ 189% ในด้านของ NPL คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.53% จาก 3.50% ในไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อ SME ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาดว่า ในระหว่างปี NPL จะมีการเหวี่ยงขึ้น-ลงได้ โดยยังเชื่อว่า BBL จะสามารถควบคุมหนี้เสียให้อยู่ในเป้าหมายของปี 62 ที่ 3.40% ได้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าสินเชื่อรายใหญ่จะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในช่วงช่วงครึ่งปีหลัง ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ประกอบกับ เชื่อว่า BBL มีโอกาสที่จะขายเงินลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรักษาระดับกำไรให้เติบโตได้อย่างมั่นคง

โดยทั้งปี 62 ฝ่ายวิจัยปรับกำไรสุทธิปี 62-63 ลง 3.4-5.8% โดยปรับการเติบโตในสินเชื่อลงจาก 5% เหลือ 3% ในปีนี้ และเหลือ 4% ในปีหน้า เพราะเห็นความเสี่ยงจากการปรับลด GDP ลงจาก ธปท. มีการปรับประมาณการ GDP ในปีนี้ลงจาก 3.8% เหลือเพียง 3.3% เพราะการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับ การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าส่งผลให้การเบิกจ่ายและเร่งลงทุนช้ากว่าที่คาดไว้ รวมถึงมีการปรับกำไรจากเงินลงทุนลงจากระดับ 8 พันล้านบาทต่อปี เหลือ 5 พันล้านบาทต่อปี เพราะเราทำไว้สูงเกินไป และปรับ credit cost ลดลงจาก 104bps เหลือ 95bps สะท้อน Coverage Ratio ที่อยู่ระดับสูงสุดในกลุ่มธนาคาร ทำให้ไม่มีความจำเป็นในการตั้งสำรองฯในระดับสูง

www.mitihoon.com