PPS ขายหุ้นกู้ 600 ล. พร้อมเพิ่มทุน RO-PP โกยเงินเปลี่ยนโฉมธุรกิจดันรายได้ก้าวกระโดด

110

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงายว่า บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส หรือ PPS โดย “ดร.พงศ์ธร ธาราไชย” ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 บริษัทมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ (Debenture) วงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกิจการ เงินลงทุนในอนาคต และชำระคืนหนี้สถาบันการเงินหรือหนี้ตามตั๋วแลกเงิน

นอกจากนี้ยังได้อนุมัติการลดทุนจดทะเบียน โดยยกเลิกหุ้นจำนวน 4.14 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.25 บาท และเพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 214.96 ล้านบาท เป็น 279.45 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) จำนวนไม่เกิน 171.97 ล้านหุ้น และเสนอขายบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 85.98 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20% และ 10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วตามลำดับ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการระดมเงินทุนรองรับการลงทุนในโครงการอนาคต

สำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ รวมถึงการเพิ่มทุนจดทะเบียนในครั้งนี้ บริษัทเตรียมแผนงานที่จะเพิ่มช่องทางในการหารายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท ภายใต้ Investment Platform เพื่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง โดยมีกลุ่มบริษัทที่ทำหน้าที่หาผู้ลงทุน (Ensemble Equity PTE., LTD. และ Profin Group) และบริษัทผู้คัดเลือกโครงการที่น่าสนใจ (Project One) เกิดเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Project SPV) ที่บริษัทในเครือ PPS ทั้งหมดสามารถต่อยอดโอกาสนี้ในการทำหน้าที่เป็น Project support หรือ Technical service

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาที่ดินบริเวณจังหวัดภูเก็ต เพื่อพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และแหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้แก่นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจ ขณะนี้คณะผู้บริหารอยู่ในระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หากโครงการประสบความสำเร็จคาดว่าจะเป็นการเปลี่ยนโฉมธุรกิจครั้งใหญ่สามารถผลักดันรายได้ให้ PPS เติบโตตามแผนธุรกิจ 5 ปีอย่างก้าวกระโดด

“การพัฒนากลุ่มธุรกิจใหม่ ถือเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าจะช่วยสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้น ดังนั้นหากมีโครงการที่น่าสนใจ บริษัทจะเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนกิจการนั้น ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาโครงการภาครัฐ – เอกชน ที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับโครงสร้างการทำธุรกิจ ปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน และหาโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ เพื่อกระจายความเสี่ยง ขยายขอบเขตการดำเนินงาน และขยายฐานลูกค้า สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” ดร.พงศ์ธร กล่าว

 

www.mitihoon.com