เพิ่มน้ำหนักลงทุนอสังหาฯ กระจายความเสี่ยงจากศก.ชะลอ

72

สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน มีประเด็นสำคัญต่อทิศทางการลงทุนจากทั้งในและประเทศ ที่น่าสนใจคือ การายงานตัวเลข จีดีพี ไตรมาที่ 3 ล่าสุดของสภาพัฒน์เมื่อวันจัทร์ที่ผ่านมา ออกมาอยู่ที่ 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 2.6% และเมื่อคิดเป็นการเติบโตในช่วง 9 เดือนเติบโตอยู่ที่ 2.5% YoY  ขณะเดียวกันสภาพัฒน์ได้มีการปรับประมาณการณ์ จีดีพี ของปี 2562 ลงเหลือ 2.6% จากเดิมที่ 2.7% ปัจจัยหลักมาจากการส่งออกที่ติดลบและการลงทุนภาครัฐที่ลดลง ทำให้แนวโน้มการเติบโตของ จีดีพี ไทยในปี 2563 มีความเสี่ยงที่ปรับตัวลงอยู่ แม้ว่าข้อตกลงเรื่องสงครามการค้าอาจจะสามารถตกลงกันได้ก็ตาม นอกจากนี้ในวันที่ 22 พ.ย. นี้จะมีการรายงานตัวเลขการส่งออกของไทย คาดว่าจะออกมา -2% ชะลอลงจากช่วงก่อนหน้าที่ -1.4% YoY  เป็นการลดลงจากอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบ ที่เป็นผลมาจากสงครามดารค้าและภาคการผลิตของยุโรปที่ผลิตรถยนต์ชะลอตัวลง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่า

โดยตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ทิศทางตลาดยังขึ้นอยู่กันประเด็นการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่ยังไม่มีความคืบหน้าและชัดเจน ทำให้ตลาดหุ้นโลกในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดดันจากประเด็นดังกล่าว ทำให้การเคลื่อนไหวของ SET Index ในสัปดาห์นี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,590-1,620 จุด เพื่อรอความชัดเจนหรือความเคลื่อนไหวที่จะออกมาจากทางสหรัฐฯและจีน ขณะที่การประท้วงในฮ่องกงที่รุนแรงมากขึ้นเป็นประเด็นที่ต้องติดตามหากเกิดการแทรกแซงจากทางจีนอาจจะมีผลลบต่อตลาดได้

นอกจากนี้ ผลกำไรของตลาดหุ้นไทยไตรมาสที่ 3 ที่รายงานเสร็จสิ้น พบว่ากำไรชะลอตัวลงค่อนข้างมากโดยผลกำไรรวมอยู่ที่ 2.14 แสนล้านบาท ติดลบ 17% เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา (YoY) เป็นการสะท้อนอย่างชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยชะลอลง แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง ชิป ช๊อป ใช้ เฟส 3 ออกมาต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจนัก การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ อาจมีความผันผวนและต้องความระมัดระวังและพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำหรือมีปัจจัยบวกบวกต่อการเติบโตที่ชัดเจน เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า หรือ หุ้นการท่าอากาศยาน

ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจและอาจมีผลต่อทิศทางตลาดในสัปดาห์นี้คือ รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ ในวันที่ 21 พ.ย. คาดว่า ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ จะกล่าวแถลงถึงภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่จะยังไม่การส่งสัญญาณเรื่องทิศทางการลดดอกเบี้ย

ด้านคำแนะนำการลงทุน KTBST กลับมาให้น้ำหนักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมีแรงขายออกไปทำให้ปัจจุบันระดับราคากลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง  โดยเฉพาะของไทยที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงเมื่อพิจารณาตลาดทั้งโลก และด้วยภาพรวมของอัตราดอกเบี้ยในระยะ 12 เดือนจากนี้คาดว่าจะเป็นในลักษณะทรงตัวหรือลดลงเท่านั้น  ทำให้ผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์ กลับมาน่าสนใจ ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้ว อสังหาฯ ประเภท REIT ในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตจากโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีและความต้องการที่อาศัย อย่าง “กองทุนเปิด WE-USREIT”  ที่เปิดขาย IPO วันที่ 14-25 พ.ย.2562   เป็นอีกกองทุนที่น่าสนใจและสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ (ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน)

ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php