วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

69

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังโอเปกพลัสเตรียมปรับเพิ่มกำลังการผลิต

-/+ ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังถูกกดดันจากการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีมติให้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรลต่อวันทั้งในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ซึ่งสูงกว่าข้อตกลงเดิมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 432,000 บาร์เรลต่อวัน จนถึงเดือน ก.ย. โดยก่อนหน้านี้หลายประเทศต่างเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัสปรับเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าตลาดยังคงกังขาว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามเป้าหรือไม่

+ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Light Crude สำหรับลูกค้าในเอเชียขึ้น 2.10 ดอลลาร์ สู่ระดับ 6.50 ดอลลาร์ในเดือน ก.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.50 ดอลลาร์

– สหรัฐฯ อนุญาตให้ Eni SpA และ Repsol SA บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของอิตาลีและสเปน จะสามารถเริ่มต้นดำเนินการขนส่งน้ำมันจากเวเนซุเอลามายังยุโรปได้โดยเร็วที่สุดภายในเดือนหน้า เพื่อรองรับการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย หลังสหรัฐฯ ผ่อนปรนการคว่ำบาตรการซื้อขายน้ำมันต่อเวเนซุเอลาที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2562

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่ปรับตัวสูงขึ้นในอินเดีย จากมาตรการการลดภาษีน้ำมันภายในประเทศ ประกอบกับดัชนีการขับขี่ในมาเลเซียที่ปรับเพิ่มขึ้นจากเปิดประเทศและการคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ  หลังอุปสงค์การใช้น้ำมันดีเซลในจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการประกาศผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกทั้งอุปทานในภูมิภาคที่อาจตึงตัวขึ้นจากการส่งออกจากเอเชียไปยังยุโรป หลังยุโรปประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp