วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

131

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ และคาดการณ์อุปทานน้ำมันดิบตึงตัว

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรบริษัทต่างๆของอิหร่าน จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ช่วยเหลืออิหร่านในการส่งออกปิโตรเคมี โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายกดดันอิหร่านให้กลับเข้าสู่การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์

+ ตลาดได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับลดลงของลิเบีย โดยเหลือเพียง 100,000 – 150,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว โดยนักวิเคราะห์ยังคงกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ว่าจะส่งผลต่อปัญหาด้านการส่งมอบน้ำมันดิบอีกด้วย

– นักลงทุนแสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกพากันประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.25% ขณะที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี บราซิล บราซิล ไต้หวัน ฮ่องกง และอาร์เจนตินา ต่างก็ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp