5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคเช้า

270

อันดับที่ 1 กูรูชี้ EKH ปี 61 กำไรจ่อทะยาน 14%  แนะ “ซื้อ” เป้า 7.10 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า บมจ.เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH ในปี 2561 คาดกำไรจะโตจากปี 2560 ราว 14.1% คาดจำนวนผู้ใช้บริการและรายได้เฉลี่ยต่อหัวจะปรับตัวสูง ส่วนหนึ่งจากเปิดศูนย์ให้บริการใหม่ ได้แก่ ศูนย์ผู้มีบุตรยาก (EKI-IVF) เริ่มให้บริการเมื่อ 1 ม.ค. 2561  เบื้องต้นคาดจะมีผู้ใช้บริการจำนวน 120 ราย ราว 70% จะเป็นกลุ่มลูกค้าจีนจากผ่าน Agency หากจะเป็นรายที่มีค่ารักษาเฉลี่ยต่อครั้งสูง ทำให้ GPM ขยับขึ้นที่ 35.9% จากคาดการณ์ปี 2560 ที่ 34.9%  ส่วน SG&A เชื่อจะยังควบคุมได้ดี  ทำให้ปี 2561 มีรายได้กิจการ รพ.ที่ 578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% เทียบปีก่อน และกำไรที่  95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% เทียบปีก่อน สำหรับศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ คาดจะเปิดให้บริการตามแผนเดิมในต้นปี 62  ส่วนศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและศูนย์ไตเทียม  อยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มเติม หากน่าจะได้ข้อสรุปทันในปี 2561 ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 7.10 บาท

อันดับที่ 2 GGC ราคาดีด 3.90% รับผลประกอบการแจ่ม ขณะที่ปี 61 มั่นใจรายได้รวมโตแกร่ง

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC เช้านี้ ปรับตัวสูงขึ้นไปแตะระดับ 16.60 บาท เพิ่ทมขึ้น 0.60 บาท หรือ 3.90% โดยนายจิตรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า มั่นใจปี 2561 รายได้เติบโตสูงกว่าปี 2560 เนื่องจากคาดว่าจะมีความต้องการไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นจากการสนับสนุนของภาครัฐส่งเสริมการผลิตB7 และมีโอกาสเพิ่มเป็นB10 โดยคาดกำลังการผลิตปีนี้ที่ 3.4-3.5 แสนตันต่อปี จากปี 2560 มีกำลังการผลิตที่ 3 แสนตันต่อปี อย่างไรก็ตาม ตลาดไบโอดีเซลมีการแข่งขันสูง ส่งผลให้มาร์จิ้นต่ำลง ขณะเดียวกัน บริษัทยังตั้งเป้าลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้มีผลประกอบการออกมาดีกว่าปี 2560 ที่มีรายได้ 19,641 ล้านบาท กำไรสุทธิ 520 ล้านบาท สำหรับโรงงานไบโอดีเซลเฟส2 ที่ จ.ชลบุรี จะแล้วเสร็จกลางปี 2561 กำลังการผลิต 2 แสนตันต่อปี โดยส่วนหนึ่งกำลังมองหาตลาดส่งออกไปยังประเทศจีน และไต้หวัน ขณะที่งบลงทุน 3 ปี (61-63) คาดใช้เงินลงทุนราว 3 หมื่นลบ.

อันดับที่ 3 NCL-W2  พุ่งเพดานฉีก 3 วัน กระฉากบวก101% วงในแย้มมีบุคคลนิรนามเข้ารวบหุ้นเป็นกอบเป็นกํา

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า แหล่งข่าวอุตสาหกรรม ได้เปิดเผยว่า  จากแนวโน้มราคาหุ้น NCL-W2 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาระยะเวลา 3 วันติดต่อกัน จากเมื่อวันที่ 14 ก.พ.61 มีราคาปิดตลาดที่ 0.59บาท  จนถึง 19 ก.พ.61 มีราคาสูงสุดที่ 1.19บาท เพิ่มขึ้น 0.60บาท หรือ 101.6% โดยมีปริมาณการซื้อขาย 5 วันย้อนหลังสูงกว่า 155 ล้านหน่วย    ซึ่งทางแหล่งข่าวอุตสาหกรรมได้ระบุว่ามีบุคนิรนาม ได้เข้าซื้อหุ้น NCL-W2 อย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้ในระยะต่อมานั้นการนำ NCL-W2  มาแปลงสภาพ ละหากผู้ที่เข้ามาเก็บวอแรนท์เป็นบุคคลอื่น จะส่งผลให้บุคคลรายดังกล่าวมีหุ้น NCL ในมือ ประมาณ 30-40 ล้านหุ้น  และภายหลังจากนี้หากบุคคลรายนั้นมีการเก็บหุ้นแม่(NCL) เพิ่มอีก 5-10 ล้านหุ้น จะดันให้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ไปโดยปริยาย และอาจมีผลต่อการบริหารไม่มากก็น้อย   ทั้งนี้ในกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้นมีความคล้ายคลึงกับการเทคโอเวอร์ กิจการ บล.แอ๊ดคินซัน โดยกลุ่มทุนใหม่

อันดับที่ 4 SAT ลุยเพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิต เน้นกำไรขั้นต้น 15% กูรูเคาะเป้า 21.50 บ.   

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี หรือ SAT การซื้อขายภาคเช้าปรับตัวขึ้นสูงสุด 20.60 บาท ล่าสุด (10.25 น.) ราคาอยู่ที่ 20.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ +4.06% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 13.57 ล้านบาทนายณัฐขจร ญาณภิรัต รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงิน บัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2561 เบื้องต้นจะเน้นการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงกว่า 15% โดยจะมีการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต และการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งคาดยอดผลิตรถยนต์ในปี 61จะอยู่ที่ราว 2 ล้านคัน เติบโตระดับ 3% จากยอดผลิตรถยนต์ปี 60 ที่ราว 1.96 ล้านคัน โดยมาจากการเติบโตของยอดขายในประเทศ และการฟื้นตัวของตลาดส่งออก โดยเฉพาะตลาดประเทศออสเตรเลีย ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมิน ราคาเป้าหมายเหมาะสมที่ 21.50 บาท

อันดับที่ 5 PTTGC คาดกำไรไตรมาส1/61โตแกร่ง ราคาน้ำมันยังหนุน กูรูแนะซื้อ 120 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC โดยนายศักดิ์นรินทร์  ศศานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ประเมินว่า PTTGC ปี 2561 มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากปี 2560 โดยเฉพาะในไตรมาส1/2561 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตดีกว่าไตรมาส4/2560 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น เนื่องจากสเปรดส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ HDPE – Naphtha ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 840 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากไตรมาส4/2560 เฉลี่ยนในระดับ 659 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูงในระดับ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ภาพรวมทั้งปี 2561 คาดกำไรสุทธิ 41,600 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 39,298 ล้านบาท ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังได้ประเมินราคาพื้นฐานที่ 120 บาทพร้อมกับคำแนะนำซื้อ