AI คาดรายได้ปี 61 เติบโต มั่นใจความต้องการลูกถ้วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกปี

562

มิติหุ้น-บทวิเคราะห์บล.โกลเบล็ก ระบุว่า

อนาคตสดใส น่าสนใจเก็บสะสม พร้อมกลับมาเทรดเดือน ก.ค. 61

– ปัจจุบันถูก SP ตั้งแต่ปี58 จากการที่บริษัทย่อย (AIE) มีปัญหาในเรื่องงบการเงิน ซึ่งไม่ได้รับการรับรองจากผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งแก้ไขแล้ว และพร้อมกลับมาเทรดได้ภายในเดือน ก.ค.61

– คาดรายได้จะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ Q2 จาก Backlog ราว 1,300 ลบ. รับรู้ถึง ปี62 อีกทั้งยังมีการปรับปรุงต้นทุนการผลิต ช่วยลดค่าใช้จ่ายกว่า 20%

 

ประเด็นสำคัญ :

AI ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้า : ธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้ามีส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยกว่าร้อยละ 55 และมีผู้ประกอบการอื่นอีกจำนวน 5 ราย ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิต 6,000 ตัน/ปี ใช้กำลังผลิตไปแล้วกว่า 95% ลูกค้ารายสำคัญมีจำนวน 2 ราย คือ 1.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 2.การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ซึ่งมูลค่าตลาดลูกถ้วยไฟฟ้าคิดเป็นร้อยละ

7-10 ของงบประมาณการปรับปรุงและพัฒนาระบบไฟฟ้าของ กฟภ. และ กฟน. ในแต่ละปี  ฝ่ายวิจัยประเมินว่ามูลค่าการลงทุนของ กฟภ. และ กฟน. ตั้งแต่ปี 61-66 รวมทั้งที่ดำเนินการไปแล้วและยังไม่ดำเนินการ มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 300,000 ลบ. คิดเป็นมูลค่าในตลาดลูกถ้วยไฟฟ้าเฉลี่ยราว 25,000 ลบ. ซึ่ง AI มีส่วนแบ่งตลาดลูกถ้วยไฟฟ้าถึงร้อยละ 55 ถือเป็นช่องทางการเติบโตให้บริษัทในอนาคต ผลการดำเนินงานที่เพิ่งส่งตลท.มีดังนี้

รายได้เติบโตขึ้นตั้งแต่ปี 58 ที่ 812.78 ลบ. มาที่ 838.02 ลบ.ในปี 60 รายได้ ณ 1Q61 ที่ 213.84 ลบ. หดตัว -4.04%YoY -13.08%QoQ และกำไรสุทธิ 1Q61 ที่ 84.56 ลบ. -8.36%YoY -12.67%QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่ลดลงในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าย่อย เนื่องจากภาครัฐเปลี่ยนแปลงระบบการเสนอโครงการจาก E-Auction เป็น E-Bidding ทำให้เกิดความล่าช้าในการเปิดประมูลโครงการส่งผลให้ปริมาณงานก่อสร้างลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะกลับมาประมูลได้อีกครั้งภายในปีนี้หลังระบบ E-Bidding แล้วเสร็จ

แผนการเติบโตในอนาคต : แนวโน้มธุรกิจการผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้า ยังมีศักยภาพเติบโตได้ในอนาคต จากความคืบหน้าของโครงการ EEC ทำให้มีการสร้างสถานีส่งไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อจ่ายไฟฟ้าให้อุตสาหกรรม ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะมีความต้องการลูกถ้วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20%  และยังมีออเดอร์พิเศษจากการไฟฟ้าที่มีงบประมาณราว 150 ลบ. ที่จะสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ Cable Spacer ซึ่ง 30% เป็นการสั่งซื้อโดยตรงกับบริษัท และอีก 70% เป็นการแข่งขันเสนอราคา อีกทั้งแนวโน้มความต้องการใช้ลูกถ้วยไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้น จากการสำรวจบางพื้นที่ที่ไฟฟ้ายังไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้มีแนวโน้มการสร้างสถานีหรือเสาส่งไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต อีกทั้งการนำสายไฟฟ้าภายในตัวเมืองลงใต้ดิน จำเป็นต้องใช้ควบคู่กับลูกถ้วยไฟฟ้าแบบเฉพาะที่บริษัทเป็นผู้ผลิตรายเดียวเท่านั้นที่สามารถผลิตได้ ทำให้เป็นอีกช่องทางการเติบโตให้กับบริษัทได้ในอนาคต

คาดการณ์รายได้ปี 61 จะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ Q2 : จาก Backlog ณ ปลาย 1Q61 ประมาณ 1,300 ลบ.(เฉพาะธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้า) ซึ่งจะรับรู้ใน 2Q61-4Q61 ราว 600-700 ลบ. และอีก 600-700 ลบ. จะรับรู้ในปี 62 อีกทั้งยังมีการปรับปรุงต้นทุนในการเผาดินที่จากเดิมใช้ LPG เปลี่ยนมาใช้ Natural Gas ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 20%  ทำให้คาดอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีนี้

ความเห็น : ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกสำหรับธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าที่มีโอกาสเติบโตค่อนข้างสูงจากโครงการของหน่วยงาน กฟน. และ กฟภ. ที่มีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งรวมถึง Backlog ที่คาดว่าจะรับรู้ใน 2Q61-4Q61 อีกราว 600-700 ลบ. อย่างไรก็ตาม การลงทุนในบริษัทย่อย AIE ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนกว่า 60% ยังคงมีความเสี่ยงจากการผลประกอบการผันผวนตามราคาปาล์มน้ำมัน

 

โอกาส

  1. มีโครงการลงทุนจากหน่วยงาน กฟภ. และ กฟน. อย่างต่อเนื่อง
  2. ธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้า จำเป็นต้องใช้ Know-How ค่อนข้างสูง ทำให้คู่แข่งรายใหม่เข้ามาได้ยาก
  3. ผลิตภัณฑ์ลูกถ้วยไฟฟ้าสำหรับเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage) บริษัท AI เป็นเจ้าเดียวเท่านั้นที่สามารถผลิตได้

 

ความเสี่ยง

  1. ในการขายผลิตภัณฑ์ลูกถ้วยไฟฟ้าให้กับ กฟภ. และ กฟน. จำเป็นต้องแข่งขันกันในการเสนอราคา ดังนั้นมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก หรือ ได้ราคาเสนอโครงการที่ต่ำ
  2. ราคาน้ำมันปาล์มค่อนข้างผันผวน ซึ่งอาจทำให้กำไรของบริษัท AIE ขาดทุนได้