ธนาคารออมสินเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Startup ไตรมาส 3 ปี 2561 “อยู่ในเกณฑ์ดี”          

303

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Startup (SSI)  ประจำไตรมาส 3 ปี 2561 ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการ Startup ทั่วประเทศจำนวน 430 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี SSI ประจำไตรมาส 3 ปี 2561 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ระดับ 61.55 ซึ่งสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50

แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการ Startup มีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวม   อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะจากปัจจัยด้านการลงทุน ด้านผลประกอบการ ปริมาณการผลิต คำสั่งซื้อและการจ้างงานที่อยู่ในระดับดี โดยมีเหตุผลสำคัญมาจากการดำเนินมาตรการของภาครัฐ อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ   ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง ในภูมิภาคมีเงินหมุนเวียนมากขึ้น และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจเชื่อมโยง

ประกอบกับ การเร่งลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการกำหนดวันเลือกตั้ง อย่างชัดเจนส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการโดยทั่วไป อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนของค่าแรง ค่าวัสดุอุปกรณ์และค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับดัชนี SSI ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการ Startup มีมุมมองต่อภาวะธุรกิจในภาพรวมดีขึ้น   อยู่ที่ระดับ 70.35 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิตและผลประกอบการที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นในธุรกิจเทคโนโลยี ท่องเที่ยว ขนส่งและโลจิสติกส์ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในธุรกิจท่องเที่ยวเนื่องจาก    ไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วงของฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ที่มีทั้งเทศกาลเฉลิมฉลองและมีวันหยุดยาว       ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและบริการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังคาดการณ์ว่าต้นทุนการประกอบการยังไม่น่าจะลดลงจากปัจจุบัน

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ มองว่ายังมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังติดตามคือปัจจัยทางด้านต้นทุนของผู้ประกอบการ Startup ที่สูงขึ้น ทั้งค่าจ้างแรงงานผู้มีทักษะเฉพาะทาง ค่าวัสดุอุปกรณ์และค่าขนส่ง อีกทั้งยังมีอุปสรรคที่รอการแก้ไข    ในด้านกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้สั่งซื้อ นอกจากนี้ผู้ประกอบการ Startup ยังคงต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนในด้านเงินทุนโดยมีเงื่อนไขการกู้ยืมที่ยืดหยุ่นและมีการผ่อนปรนการชำระหนี้เมื่อประสบปัญหา รวมถึงการร่วมลงทุนเพื่อขยายธุรกิจและลงทุนเพิ่มเติมในด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ อีกทั้งสนับสนุนด้านการหาตลาดและเพิ่มความรู้ด้านการลงทุน การขยายธุรกิจ ภาษี ตลอดจนด้านเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น