อิมแพ็ค ก้าวสู่ปีที่ 20 ย้ำ พร้อมหนุนอุตสาหกรรมไมซ์และท่องเที่ยวไทยเติบโตไปด้วยกัน

178

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยนายพอลล์  กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ เผยว่า บทบาทของอิมแพ็คฯ ไม่เพียงเป็นสถานที่จัดการประชุม สัมมนา แสดงสินค้า นิทรรศการ กิจกรรมพิเศษ แต่ปัจจุบันยังให้บริการกลุ่มอินเซนทีฟ หรือ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล โดยการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับกลุ่มนักเดินทางเพื่อธุรกิจไมซ์ ด้วยมีโรงแรมที่พักมาตรฐาน 2 แห่ง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ บริการร้านค้า ร้านอาหาร เอาท์เล็ตแบรนด์ชั้นนำ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับศูนย์ฯ เพื่อให้บริการลูกค้าได้ใช้เวลาร่วมกิจกรรม ท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ในที่เดียว

“ทีเส็บ ระบุทิศทางธุรกิจไมซ์ไทยยังคงเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meetings & Incentives) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก ส่วนตัวเลขนักเดินทางกลุ่มไมซ์เติบโตกว่า 13% และรายได้จะโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อน และคาดว่าสิ้นปี 2561 เป้าหมายกลุ่มไมซ์รวม 1.37 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับประเทศไม่ต่ำกว่า 1.24 แสนล้านบาท จากข้อมูลดังกล่าวมั่นใจ อิมแพ็ค มาถูกทางที่ได้เตรียมความพร้อมของพื้นที่และบริการสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร รองรับกลุ่มไมซ์ ซึ่งมีการใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3-4 เท่า ถือเป็นลูกค้าสำคัญที่สร้างรายได้ให้ อิมแพ็ค เป็นอย่างดี หากสามารถจับจ่ายใช้เวลาอยู่ในศูนย์ฯ 3-4 วันหรือมากกว่านั้น”

สำหรับศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2542 โดยบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) บริหารและดำเนินงานภายใต้ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ต่อมาในปี 2557 ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อิมแพ็ค โกรท หรือ IMPACT Growth REIT ถือเป็นศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอันดับ 1 ของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมีพื้นที่ในร่มสำหรับจัดงานรวมมากกว่า  140,000 ตารางเมตร จาก 4 อาคารหลัก ได้แก่ อิมแพ็ค อารีน่า,  อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์, ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค อาคาร 1-8 ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม และพื้นที่จัดงานกลางแจ้งอีกกว่า 137,000 ตารางเมตร