SET เริ่มออกตัววิ่ง ลุ้นยืน 1,620 จุด

51

สัปดาห์ทำการที่ 2 ของตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคม บรรยากาศการลงทุนเริ่มดูดีขึ้นนะครับ ดัชนีปรับตัวบวก 17.59 จุด ปิดตลาดที่ 1,592.72 จุด ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 ม.ค.) เป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้าด้วยการคาดการณ์ว่าผลของการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนในัวนที่ 7-8 ม.ค.นี้จะประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันการปรับตัวขึ้นของหุ้นไทยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้ผลบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นด้วย ทำให้หุ้นกลุ่มน้ำมัน , ปิโตรเคมี เป็นกลุ่มที่มีการซื้อขายนำตลาดใน SET Index ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาส่งสัญญาณมีเสถีรยภาพมากขึ้นจากผลบวกของการเจรจาการค้าในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

โดยที่ภาวะราคาน้ำมันดิบที่เริ่มขยับตัวขึ้นมานี้ เป็นผลจากตัวเลขฝ่ายจัดซื้อที่ไม่ใช่ภาคการผลิต (Non-Manufacturing) ของสหรัฐฯในเดือน ธ.ค. 2561 ที่รายงานโดยสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ปรับตัวร่วงลงสู่ระดับ 57.6 จากระดับ 60.7 ในเดือนพ.ย. ถือเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลง อีกทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มว่าอาจจะไม่เร่งการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง อาจเหลือเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง จึงเป็นผลบวกต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งราคาน้ำมันและทองคำ

ขณะเดียวกันส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 31.94 บาทต่อดอลลาร์ฯ (8 ม.ค.) เป็นการแข็งค่าที่สุดในรอบ 7 เดือน แต่ถือเป็นปัจจัยบวกที่หนุนให้เงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแต่อาจเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกได้

สำหรับตลาดหุ้นไทยประเด็นที่น่าสนใจคือ ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา หุ้นไทยโดนแรงเทขายต่อเนื่องจนลงไปถึงระดับ 1,550 จุด แต่หลังจากเปิดทำการในปีใหม่มานี้ ตลาดหุ้นไทยยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,550 จุดได้และปรับตัวขึ้นมารอที่จะไปสู่ระดับ 1,600 จุด เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องการเมืองในประเทศและปัจจัยต่างประเทศต่างๆกดดันการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม KTBST ยังมองว่าตลาดหุ้นยังมีความผันผวนอยู่ โดย SET Index กำลังขึ้นมาทดสอบระดับ 1,600 จุด แต่ต้องลุ้นให้ผ่านระดับ 1,620 จุดไปได้ จึงจะถือเป็นสัญญาณที่ตลาดเดินหน้าอย่างจิงจัง  ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนที่ KTBST ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นที่มีกำไรมั่นคง รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มจะขึ้นไปตามทิศทางตลาด เช่น PTTGC , TOP , CPALL, BDMS, AMATA

นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทยแล้ว KTBST ยังให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นและจีน เนื่องด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลรวมทั้งระดับราคาหุ้นที่น่าสนใจหลังปรับตัวลงมามาก ขณะเดียวกันยังให้น้ำหนัการลงทุนในกองอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงสร้างพื้นฐานหรือ REIT ที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ รวมไปถึงตราสารหนี้ประเภท FiXed Income ซึ่งแม้ดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มขาขึ้นแต่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน

โดยชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)