จับหุ้นพื้นฐานดีรับตลาดผันผวน

222

ข่าวสารสถานการณ์ต่างๆ แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ให้เราต้องติดตามใกล้ชิดตลอดเวลา และในสัปดาห์นี้มีประเด็นทั้งในและต่างประเทศให้นักลงทุนต้องติดตามกันอีก เรื่องแรกคือการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของยุโรปในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะออกมาชะลอตัวที่ระดับ 1.2% อีกประเด็นคือเรื่องการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนที่ทั่วโลกจับตามองกัน โดยเจรจากันของผู้นำสหรัฐฯกับจีนจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่สัปดาห์นี้ในวันที่ 14-15 ก.พ. จะมีการพบปะกันของผู้แทนทางการค้าของทั้ง 2 ประเทศ ที่เมืองปังกิ่งเพื่อหารือและเตรียมการต่างๆ ในเบื้องต้นก่อนที่ผู้นำทั้ง 2 จะพบกันจริง

ทั้งนี้การเจรจาการค้าครั้งนี้ นอกเหนือจากเรื่องการใช้มาตรการภาษีนำเข้าแล้ว เรื่องสำคัญที่สุดของการเจรจากันนั่นคือ เรื่องเทคโนโลยีและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของจีน ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่สามารถเจรจาเพื่อหาข้อยุติกันได้ง่ายๆ เพราะเรื่องการใช้เทคโนโลยีมีผลต่อการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่ใช้เทคโนโลยีพัฒนาอุตสาหกรรมในหลายด้าน

อีกประเด็นทางการเมืองที่สำคัญของสหรัฐฯคือ การประชุมเรื่องการอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯกับเม็กซิโก ที่กลับมาประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. นี้  หากไม่ได้ข้อสรุปอาจมีการปิดทำการ (Shut down) หน่วยงานของรัฐบาลอีกครั้ง แต่ KTBST คาดว่าไม่น่าจะเกิดการ Shut down ขึ้นอีกเพราะไม่เป็นผลดีต่อคะแนนเสียงของทรัมป์  การประชุมครั้งนี้จึงน่าจะได้ข้อสรุป

ส่วนประเด็นคือเรื่องการเมืองในบ้านเรา เมื่อวันจันทร์ (11 ก.พ.)  SET ปิดตลาดในแดนลบปรับตัวลง -13.68 จุด (-0.83%) ปิดที่ 1,638.00 จุด เป็นการขายของนักลงทุนต่างประเทศต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมารวมกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศลดความเสี่ยงจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ

ด้วยมุมมองภาพรวมจากปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่ชัดเจนและเรื่องการเลือกตั้งของไทยตั้งที่ยังคลุมเคลือ นักลงทุนกำลังรอดูการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเรื่องการยุบพรรคการเมืองบางพรรค รวมถึงแนวโน้มของผลการเลือกตั้งที่ยังมีความไม่แน่นอน  การเทขายของนักลงทุนต่างชาติส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงซึ่งต้องติดตามดูเพราะหากเงินบาทอ่อนค่าจะกระทบต่อตลาด

อย่างไรก็ตาม KTBST ยังไม่ได้ปรับมุมมองการลงทุนเป็นลบ แต่ช่วงสัปดาห์นี้อาจเห็นความผันผวนของตลาดกลับมาอีกครั้งทำให้การจับจังหวะลงทุนจะทำได้ค่อนข้างยาก นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุน การเก็งกำไรอาจต้องเล่นในกรอบสั้นๆ  หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ (Defensive Stock) จะกลับมาเป็นกลุ่มที่น่าสนใจอีกครั้ง

KTBST ยังคงแนะนำให้เน้นลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวกพื้นฐาน เช่น KBANK ที่มีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง  , ERW ได้ปัจจัยบวกหลังนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาท่องเที่ยวมากขึ้น  และ BJC ได้ผลบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทำให้การใช้จ่ายต่างๆขยายตัว

อยากทิ้งท้ายว่า ทิศทางตลาดเงิน-ตลาดทุนมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ปัจจัยต่างๆ อาจพลิกเปลี่ยนได้ทุกสัปดาห์หรือทุกวัน นักลงทุนต้องปรับกลยุทธ์รับมือให้ทันและติดตามสถานการณ์ข่าวสารให้มากๆ นะครับ หากต้องการขอคำปรึกษาการลงทุน ติดต่อมาหา KTBST ได้ที่02 -648-1111 ครับ