Sideway ต่อ สถานการณ์โดยรวมยังไม่เป็นบวกกับหุ้นไทยมากนัก

90

ปัจจัยทั้งในและต่างประเทศขณะนี้ไม่ค่อยเป็นบวกกับตลาดหุ้นไทยมากนัก คาด SET index ประคองตัว Sideway ในกรอบ 1620 – 1650 จุด แต่อาจกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1610 – 1600 จุดได้ หากหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 1620 จุด แนะนำทยอยสะสมที่แนวรับ หลังเราแนะนำให้ขายทำกำไรหุ้นไปบ้างก่อนหน้านี้แล้ว โดยประเมิน ดัชนีหุ้นไทยน่าจะรีบาวด์ได้หลังการเลือกตั้ง

ปัจจัยต่างประเทศ i) การปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญๆ อย่างจีนและยุโรป ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอตัว ii) ตลาดหุ้นเริ่มไม่ตอบรับข่าวบวกเรื่อง การเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน (อย่างไรก็ดี มีโอกาสที่ตลาดฯจะ Wait&see จนกว่าจะมีการลงนามสัญญาที่ชัดเจน) iii) เม็ดเงิน Fund flow ไหลเข้าจีนเป็นหลัก ทำให้ประเทศอื่นๆในเอเชีย เช่น ไทย ไม่ได้รับอานิสงส์ใดๆ จากเม็ดเงิน Fund flow ที่ไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย

ปัจจัยในประเทศ i) ประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง ยังเป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะ Wait&see รอดูผลการเลือกตั้ง ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาตอบรับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแล้ว ii) EPS ของ SET index ถูกนักวิเคราะห์ใน Consensus ปรับลงมาต่อเนื่องตั้งแต่รายงานผลการดำเนินงานปี 2561 ครบถ้วน โดยล่าสุดปรับลงมาแล้วกว่า 4% เทียบกับตอนต้นปี 2562 ขณะที่เราเชื่อว่าตัวเลขประมาณการยังไม่นิ่งและมีโอกาสที่จะถูกปรับอีกในเดือนนี้ ซึ่งเป็นช่วงของการประชุมนักวิเคราะห์ 

ข้อมูลด้าน Quantitative อื่นๆ i) Term spread หรือส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว กับ ระยะสั้น ของสหรัฐฯ ยังชี้โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession ในอีก 12 เดือนข้างหน้าสูงถึง 24% (สูงสุดตั้งแต่วิกฤตปี 2551) … ข้อมูลจาก เฟด สาขานิวยอร์ก ii) Default Spread หรือ ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนหุ้นกู้เรตติ้ง BBB กับ หุ้นกู้เรตติ้ง AAA ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2561 และเพิ่งหยุดการปรับลงในเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยอาจอยู่ในช่วงท้ายของวัฏจักรขาขึ้น และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นระยะกลาง – ยาว อยู่ในระดับต่ำ

แต่เราเชื่อว่า Valuation ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ยังสามารถลงทุนได้ โดย Yield gap หรือ ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนการลงทุนในหุ้น เทียบกับ พันธบัตรรัฐบาลไทย ปรับลงสู่ระดับสมดุล สะท้อนว่าหุ้นไทยไม่ได้ถูก ดังเช่นเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ดังนั้น เรายังคงกลยุทธ์การลงทุนตามเดิมคือ สำหรับนักลงทุนที่ทำการขายทำกำไรหุ้นบางตัวที่ Outperform ตลาดก่อนหน้านี้ไปแล้ว อาจเริ่มกลับมาพิจารณาหุ้นที่ยัง Laggard เช่น MEGA, PLANB เป็นต้น / หุ้นเล็กที่แนวโน้มผลการดำเนินงานดี เช่น CAZ / หุ้นปันผลสูงเช่น TISCO, QH, LH เป็นต้น

www.mitihoon.com