PTTEP ลั่น ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ฯ กลางมิ.ย.นี้ คาดปี62ปริมาณขายปิโตรเลียมแตะ 341,000 บาร์เรลต่อวัน โบรกฯ แนะซื้อ เป้า 157 บาท

61

มิติหุ้น – PTTEP ลั่น ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ฯ กลางมิ.ย.นี้ ชี้มีลูกค้าในมือรอซื้อ LNG กว่า 11 ล้านตัน  ตั้งเป้ายอดขาย 341,000 บาร์เรลต่อวัน โบรกฯ ชี้ไตรมาส 2 กำไรโตกว่าไตรมาส 1 แนะซื้อ เป้า 157 บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP โดยนายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า การพัฒนาโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ที่ปตท.สผ.ถือสัดส่วน 8.5% คาดว่าจะมีการประกาศตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในช่วงกลางเดือนมิ.ย.62 นี้ ซึ่งล่าช้ากว่าแผนดำเนินที่จะประกาศการลงทุนในเดือน เม.ย.62 เนื่องจากยังต้องรอรัฐบาลของโมซัมบิกอนุมัติ

ปัจจุบัน โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน เป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ของ PTEP โดยมีลูกค้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มเติมอีก 1 ราย ทำให้ยอดขายรวมกับที่ลงนามในสัญญาซื้อขาย LNG ไปแล้วมีกว่า 11 ล้านตันต่อปี ซึ่งปัจจุบันโครงการอยู่ในระหว่างการเตรียมพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติ และก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งในระยะแรกประกอบด้วย โรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว 2 สายการผลิต (train) กำลังการผลิตรวม 12.88 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับการพัฒนาแหล่งโกลฟินโญ-อาตุม (Golfinho-Atum) ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติแหล่งหนึ่งในโครงการดังกล่าว

“โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วันหากสามารถประกาศ FID จะช่วยหนุนปริมาณสำรองปิโตรเลียมของ PTTEP เพิ่มมากขึ้น และปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้น”นายพงศธร กล่าว

นายพงศธร กล่าวว่า PTTEP จะเน้นการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมโดยการสำรวจแหล่งใหม่เนื่องจากมีมาร์จิ้นที่สูงกว่าการซื้อกิจการหรือ M&A แต่ก็ไม่ทิ้งโอกาสการเข้าซื้อกิจการในแหล่งปิโตรเลียมที่ดำเนินการผลิตแล้ว ในแถบอาเซียน ตะวันออกกลาง เช่น โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) นอกจากนี้ PTTEP ยังได้พิจารณาซื้อกิจการและมีแผนเข้าประมูลแหล่งปิโตรเลียมอีกหลายโครงการ ทั้งในไทยและต่างประเทศ คาดจะสามารถซื้อกิจการเพิ่มอย่างน้อย 1 โครงการ

นางชนมาศ ศาสนนันทน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน กล่าวว่า ในไตรมาส2/62 บริษัทจะปริมาณการขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 330,000 บาร์เรลต่อวัน สูงขึ้นกว่าไตรมาส1/62 ที่มีปริมาณการขาย 319,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากแหล่งบงกชใต้กลับมาผลิตได้แล้วหลังจากปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส1/62

ขณะภาพรวมทั้งปี 62 คาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 321,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งยังไม่ได้รวมปริมาณปิโตรเลียมจากโครงการเมอร์ฟี่ ออยล์ฯในมาเลเซีย ที่ PTTEP ได้ซื้อกิจการมาคาดว่าจะปิดดีลในเดือนมิ.ย.นี้ ทำให้รับรู้ยอดขายปิโตรเลียมเข้ามาเพิ่มเฉลี่ย 2 หมื่นบาร์เรลต่อวันในปีนี้ส่งผลให้ภาพรวมปริมาณการขายปีนี้เป็น341,000 บาร์ต่อวัน

ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะอยู่ระดับ60-70เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาขายก๊าซฯของ PTTEP เฉลี่ยปีนี้ที่6.9เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยอยู่ที่31เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ประเมินหุ้น PTTEP ว่า ไตรมาส 2/62 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโตมากว่าไตรมาส 1/62 ที่มีกำไรสุทธิ 12,479 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายที่สูงขึ้น และการรับรู้ราคาขายเฉลี่ยของปิโตรเลียมที่สูงขึ้น แม้ว่าต้นทุนต่อหน่วยจะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยปริมาณขายปิโตรเลียมคาดว่าจะอยู่ที่ 320,000 –  330,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และราคาขายก๊าซคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น 11%  ดังนั้น ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 157 บาท แนะนำ “ซื้อ”

www.mitihoon.com