IVL ทุ่ม 6.2 หมื่นล. ซื้อโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา ดันกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 23% ชี้เป้า 56บ.

410

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL โดย “นายโซวิค รอย เชาว์ดูรี่”  เลขานุการบริษัท เผยว่า  เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา บริษัท และ Indorama Ventures Holdings LP ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ทำสัญญาการเข้าซื้อธุรกิจ/สินทรัพย์บางส่วนจาก “บริษัท Huntsman Corporation” ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตออกไซด์แบบบูรณาการ (Integrated Oxides) และอนุพันธ์ (Derivatives) ซึ่งใช้ผลิตผลิตภัณฑ์หลัก มูลค่ารวม 2,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 61,960 ล.)

นอกจากนี้ บริษัทจะรับภาระผูกพันในเงินบำนาญ (pension obligations) เป็นเงินจำนวณไม่เกิน 76 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,354 ล.) ส่วนเม็ดเงินในการทำซื้อกิจการครั้งนี้มาจากกระแสเงินสดภายใน และวงเงินกู้ยืมระยะสั้นกับสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกิน 1,500 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/62

“Huntsman Corporation” เป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายระดับโลกในธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่แตกต่างและประเภทชนิดพิเศษ (differentiated and specialty chemicals) โดยมีโรงงานผลิตอยู่หลายแห่ง ทั้งนี้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกรรมฯ นั้น ผู้ขายจะแบ่งขายเฉพาะสินทรัพย์/ธุรกิจบางส่วน ที่ตั้งอยู่ที่  Port Neches รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (โรงงาน Port Neches), เมือง Dayton รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (โรงงาน Dayton), เมือง Alvin (Chocolate Bayou) รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (โรงงาน Chocolate Bayou),เมือง Botany รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย (โรงงาน Botany) และเมือง Ankleshwar ประเทศอินเดีย (โรงงาน Ankleshwar) โดยธุรกิจ/สินทรัพย์ ที่ได้มาจะมีกำลังการผลิตรวม 3 ล้านเมตริกตัน/ปี

โดยธุรกรรมในครั้งนี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพื่อยกระดับการเติบโตในธุรกิจใหม่ของ IVL ได้แก่ ธุรกิจ ออกไซด์แบบบูรณาการ (Integrated Oxides) (ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่า “ธุรกิจโอเลฟินส์”) และธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty chemicals) อีกทั้งยังก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันกับธุรกิจออกไซด์(Oxides) และธุรกิจโอเลฟิ นส์(Olefins) ของ IVL ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้โดยทันที

สำหรับการเข้าซื้อธุรกิจ/กิจการในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรหลักก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (core EBITDA) ของ IVL ในปี 2561 ในอัตรา 25% และยังช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในอัตรา 23% ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม

 

www.mitihoon.com