‘ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์’ เตรียมขาย IPO 150 ล้านหุ้น ลุ้นเข้า SET ใน Q4/62 นี้

66

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง โดยนายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่แระชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท ภายหลัง IPO คาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาส 4/62 หรือภายในต้นปี 2563

สำหรับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 225 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทฯ มีบริษัทย่อยทั้งหมด 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ แล็บบอราทอรี่ จำกัด (SML) บริษัท ซัคเซส สปิริต จำกัด (SPT) และ SCM Spirit (Myanmar) Co., Ltd. (SPM) ดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา และกลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า

นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ จำแนกเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1. กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2. กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าใช้ในครัวเรือน 5. กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 6. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งดำเนินธุรกิจโดย SCM
2. กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา ดำเนินธุรกิจโดย SPT และ SPM เพื่อสนับสนุนธุรกิจเครือข่ายในประเทศ และตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่มีเครือข่ายสมาชิกและฐานลูกค้าเป็นของตนเอง และ
3. กลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า ดำเนินธุรกิจโดย SML ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นโรงงานผลิตสินค้าให้กับบริษัทฯ เท่านั้น

“จุดแข็งที่สำคัญของ SCM คือมีเครือข่ายสมาชิกเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ และมีสาขากระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย 23 แห่ง อีกทั้ง ยังมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศถึง 6 ประเทศ เพื่อเป็นช่องทางกระจายสินค้าในประเทศแถบเออีซี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการเติบโตเร็วมาก ก้าวสู่ 7 ปี สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 1 พันล้านบาท/ปี และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยตอกย้ำแบรนด์ของเราให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค สร้างโอกาสในการเพิ่มฐานเครือข่ายสมาชิกและลูกค้า พร้อมผลักดันรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต”

นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) กล่าวว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ นอกเหนือจากการได้รับเงินทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการสร้างแบรนด์ “ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ ” ให้แข็งแกร่ง และเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกคนรู้ว่าบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 60 รายการ ที่สำคัญคือธุรกิจนี้สามารถสร้างฝันและโอกาสให้กับทุกคนได้

“บริษัทก้าวสู่ปีที่ 7 ถือเป็นน้องใหม่ของวงการที่มาแรง สะท้อนถึงความเชื่อมั่น ได้รับการยอมรับจากสมาชิก และผู้บริโภค และทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้ติดอยู่ในอันดับ TOP 10 ระดับ 1,000 ล้านบาท จากกว่า 400 บริษัทขายตรงในประเทศไทย เรามีศักยภาพสูงทางด้านการทำธุรกิจในรูปแบบ Multi-level Marketing ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าคุณภาพที่มีกว่า 60 รายการ และไม่ใช่แค่ตลาดในประเทศไทยเท่านั้น เรายังไปขยายไปยังตลาดเออีซี โดยประเทศที่ขยายไป ประกอบด้วย เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ก็ไม่ได้คิดจะหยุดเพียงเท่านี้ โดยบริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อที่จะขยายธุรกิจออกไป และทำให้กิจการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนในอนาคต” นายนพกฤษฏิ์ กล่าว

www.miihoon.com