ECF เผยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว มั่นใจผลงานโค้งสุดท้ายฟื้นตัว

95

มิิติหุ้น-ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าไฮซีซั่น ออเดอร์ส่งออกลูกค้าญี่ปุ่น อินเดียทะลัก ดันยอดขายต่างประเทศพุ่ง เตรียมเพิ่มกำลังการผลิต มุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนในการขายและการบริหาร เพิ่มความสามารถในการทำกำไร เผยผลประกอบการงวด เดือน รายได้ 1,032.65 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.26 ล้านบาท และไตรมาส รายได้ 339.79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.48 ล้านบาท

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 3/62 และปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีหน้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าที่พม่าได้ COD ตามแผนเรียบร้อยแล้ว และธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น จากการขยายตลาดต่างประเทศ มีสัญญาณการเติบโตที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ จากกลุ่มลูกค้ารายใหม่ในญี่ปุ่นและกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่บริษัทขยายฐานการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปประเทศอินเดีย ซึ่งมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงไตรมาส ปี 2563 โดยบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับออเดอร์จากต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 52% และในประเทศอยู่ที่ 48%

ขณะที่ตลาดในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายในช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ ล่าสุดสามารถเพิ่มช่องทางผ่านร้านโมเดิร์นเทรดได้อีก 2 ราย ซึ่งถือเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศที่มีศักยภาพ และสร้างความหลากหลายของการจำหน่ายสินค้า 

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทนปีนี้จะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยที่ผ่านมารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์  ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW มินบู ประเทศเมียนมาร์ สำหรับเฟสแรก (50 MW) สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ COD เดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนเฟสที่ 2 3 และ 4 อยู่ระหว่างการปรับแผนงานเพื่อหาทางเร่งการก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างเฟส 2 ในช่วงต้นปี 63 อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 50 MW ในต่างประเทศเพิ่ม

นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน รายได้รวมทั้งสิ้น 1,032.65 ล้านบาท มีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,070.93 ล้านบาท และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 22.20 ล้านบาท สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 21.26 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถสร้างอัตรากำไรต่อรายได้รวมได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากร้อยละ 1.63 เป็นร้อยละ 2.02

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562  บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 339.79 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 369.09 ล้านบาท จำนวน 29.30 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 7.94 % และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 7.27 ล้านบาท สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 7.48 ล้านบาท โดยสามารถสร้างอัตรากำไรต่อรายได้รวมได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากร้อยละ เป็นร้อยละ 2.24

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการวางแผนบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร พร้อมปรับลดค่าใช้จ่ายสำหรับสาขาโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ไม่สามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ ซึ่งเริ่มเห็นผลจากนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้รวมปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อกลุ่มผู้บริโภคลดลง อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย