BBL กินรวบหุ้นใหญ่89.12% ซื้อ“PT Bank Permata” (13/12/62)

326

มิติหุ้น – BBL ซื้อธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค ครองหุ้นใหญ่ 89.12% ด้วยมูลค่าราว 81,017 ล้านบาท จ่อซื้อส่วนที่เหลืออีก 10.88% ย้ำเงินลงทุนมีพร้อม ยันไม่ต้องเพิ่มทุน เชื่อการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการขยายฐาน และเปิดตลาดเข้าสู่อินโดนีเซียที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในอาเซียน   

นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL แจ้งว่าวานนี้ (12 ธ.ค.2562) ธนาคารได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นโดยมีเงื่อนไขกับ Standard Chartered Bank (“สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด”) และพีที แอสทร่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทีบีเค (PT Astra International Tbk) (“แอสทร่า”) เพื่อเสนอซื้อหุ้นกลุ่ม ข. จำนวนทั้งหมด 24,991,429,332 หุ้นในธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค (PT Bank Permata Tbk) (“เพอร์มาตา”) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 89.12 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของเพอร์มาตา

โดยคาดว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพคาดว่าจะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของเพอร์มาตาอีกร้อยละ 10.88 หลังจากการเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 89.12 ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เคาะมูลค่าราว8.10หมื่นลบ.

การทำธุรกรรมนี้ตั้งอยู่บนหลักเกณฑ์การประเมินมูลค่าซึ่งมีการตกลงร่วมกันอยู่ที่ 1.77 เท่าของมูลค่าตามบัญชีของเพอร์มาตา (โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงราคา) ดังนั้น หากคำนวณมูลค่าตามบัญชีของเพอร์มาตา ณ วันที่ 30 ก.ย. 2562  ราคาซื้อหุ้นเบื้องต้นจะอยู่ที่ 1,498 รูเปียต่อหุ้น สำหรับการถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 89.12 มูลค่าธุรกรรมเบื้องต้น อยู่ที่ 37,430,974 ล้านรูเปีย (ประมาณ 2,674 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 81,017 ล้านบาท)

ส่วนการถือหุ้น 100% มูลค่าเบื้องต้นจะอยู่ที่ 42,001,080  ล้านรูเปีย (ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 90,909 ล้านบาท) โดยราคาซื้อหุ้นที่ธนาคารจะต้องชำระในการเข้าซื้อหุ้นจำนวนร้อยละ 89.12 ในเพอร์มาตา จะถูกคำนวณอีกเป็นครั้งสุดท้ายโดยอ้างอิงที่อัตรา 1.77 เท่าของมูลค่าตามบัญชีของเพอร์มาตา (โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงราคา) ตามที่ปรากฏในงบการเงินล่าสุดของเพอร์มาตาที่ได้รับการเผยแพร่ก่อนวันที่ทำธุรกรรมแล้วเสร็จ

เงินทุนพร้อมไม่ต้องเพิ่มทุน

ทั้งนี้ เพอร์มาตาเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของอินโดนีเซีย มีลูกค้ารวมกว่า 3.5 ล้านราย และ ณ วันที่ 30 ก.ย.62 มีเงินให้สินเชื่อจำนวน 108 ล้านล้านรูเปีย หรือราว 234,000 ล้านบาท มีเงินรับฝากจำนวน 120 ล้านล้านรูเปีย เทียบเท่ากับ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 259,000 ล้านบาท

สำหรับการเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะใช้เงินทุนภายในและแหล่งเงินทุนที่ได้จากการจัดหาเงินทุนตามปกติของธนาคาร โดยในขณะนี้ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนแต่อย่างใด ซึ่งการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว จะทำให้ธนาคารเข้าถึงตลาดอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สูง โดยยังมีประชากรที่ยังไม่ได้ใช้บริการของธนาคารใดๆ อยู่เป็นจำนวนมาก

www.mitihoon.com