PF-GRAND ปี 63 ตั้งเป้ายอดขายรวม 2.1หมื่นลบ. ลุยแผนร่วมทุนระยะยาว เปิด 12 โครงการใหม่เน้นแนวราบ

229
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” ราบงานว่า บมจ.พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค หรือ PF โดยนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภาพรวมปี 63 บริษัทประมาณการรายได้รวมไว้ที่ 22,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจ  อสังหาริมทรัพย์ 16,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 15,400 ล้านบาท รวมโครงการในประเทศญี่ปุ่น  และเป็นของ แกรนด์ แอสเสทฯ 1,000 ล้านบาท และจะมีรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,300 ล้านบาท เป็นโรงแรมในประเทศ 2,000 ล้านบาท โรงแรมในญี่ปุ่น 1,300 ล้านบาท อีกทั้งยังจะมีรายได้จากการขายที่ดินและการลงทุน 2,000 ล้านบาท และธุรกิจให้เช่า 300 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในปี 62 ที่ผ่านมาแม้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากหลายๆ ปัจจัย แต่บริษัทยังมีผลประกอบการที่ดี โดยปี 62 สามารถทำกำไรสูงสุดสร้างสถิติใหม่ในรอบ 16 ปี
สำหรับแผนงานปี 63 ยังคงเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มบริษัท ทั้งการทำกำไรและการลดภาระหนี้ รวมทั้งรักษาอัตราการเติบโตทั้งจากการดำเนินงานปกติ และจากโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งมีแผนร่วมมือกันพัฒนาโครงการในระยะยาว โดยกับ ฮ่องกงแลนด์ มีความร่วมมือในการพัฒนาโครงการ “เลค เลเจ้นด์” บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ เปิดตัวในปีนี้ 2 โครงการ มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท
ความร่วมมือกับ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี นอกเหนือจากคอนโดมิเนียม ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาทแล้ว ในปีนี้ยังจะร่วมกันพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลราชพฤกษ์ตัดใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท
ในส่วนการร่วมทุนกับ เซกิซุย เคมิคอล ปีที่ผ่านมามีการร่วมมือกันใน 4 ทำเล ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 1 ทำเล คิดเป็นมูลค่ารวม 3,100 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมการร่วมทุนของกลุ่มบริษัทขณะนี้มีมูลค่าทั้งสิ้น 26,500 ล้านบาท เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัท ปีที่ผ่านมาบริษัทยังประสบความสำเร็จจากโครงการ “ยู คิโรโระ” คอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีรายได้เข้ามา 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 2,600 ล้านบาท หรือ 70% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด  และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง สามารถโอนกรรมสิทธิ์ปิดโครงการได้ภายในปีนี้
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ
เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในปี 63 วางเป้าขายไว้ที่ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 10,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 1,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียมในประเทศ 4,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมประเทศญี่ปุ่น 2,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 18,560  ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 17,110  ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ มูลค่า 1,450 ล้านบาท โครงการเปิดตัวใหม่จะเป็นแนวราบทั้งหมด ซึ่งเป็นตลาดที่ยังเติบโต
โดยบริษัทไม่มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ เนื่องจากปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมชลอตัว ทำให้ยังมีซัพพลายเหลืออยู่มาก บริษัทยังมีการพัฒนาสินค้าให้รองรับกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น มีการพัฒนาบ้าน “ป้องกันฝุ่น PM2.5” ซึ่งเชื่อว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 จะเป็นปัญหาที่ต่อเนื่อง โดยนอกจากการนำเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นมาใช้กับบ้านในโครงการร่วมทุนกับ เซกิซุย เคมิคอล แล้ว ยังร่วมกับ เอสซีจี เป็นรายแรกในการพัฒนาระบบกรองอากาศป้องกันฝุ่น PM2.5 ทำงานร่วมกับระบบระบายอากาศ ติดตั้งในโครงการบ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ ทุกระดับราคา
บริษัทยังร่วมมือกับ ไดกิ้น ในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศกรองฝุ่น PM2.5 ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ, เลค เลเจ้นด์, เพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค  ปีนี้ยังต่อยอดในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่ 5,000 ต้นในโครงการต่างๆ การติดตั้งแผงโซล่าร์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้พลังงานสะอาดในสำนักงานและคลับเฮ้าส์  รวมทั้ง ยังมีการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ รวม 26 แบบในทุกระดับราคา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และช่วยผลักดันยอดขายโครงการแนวราบอีกทางหนึ่ง
ด้านแผนการดำเนินงานของ แกรนด์ แอสเสทฯ ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ วางเป้าขายไว้ 3,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 2,500 ล้านบาท และ โครงการวิลล่าในจังหวัดระยอง 500 ล้านบาท ซึ่งกำหนดพรีเซลส์เฟสแรกในช่วงไตรมาส 2 เป็นวิลล่าหรู 103 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,307 ล้านบาท  กลุ่มเป้าหมายจะเป็นตลาดทั้งในและต่างประเทศ รองรับการเติบโตของระยองที่จะเกิดขึ้น ทั้งจากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
ด้านธุรกิจโรงแรม ปีที่ผ่านมาได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ทำให้รายได้โรงแรมเติบโตจากการท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น  ปีที่ผ่านมายังเปิดดำเนินการโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท เต็มปี ทำให้รายได้ในปี 62 เติบโตถึง 47.7% ในขณะที่ไตรมาส  1/63 นี้ สถานการณ์ไวรัสระบาดมีผลกระทบอย่างมากกับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะโรงแรมที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นชาวจีนและธุรกิจไมซ์ บวกกับปีนี้บริษัทมีแผนปรับปรุงโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน  ส่งผลให้ประมาณการรายได้ปีนี้ลดลง คาดว่าธุรกิจโรงแรมภายในประเทศปีนี้จะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท หรือลดลง 22.1% เมื่อเทียบกับปี 62
www.mitihoon.com