BTS เฉียบกำไรQ3แรง107%-จ่อเปิด4สถานี

416

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  หรือ BTS โดย “นายกวิน กาญจนพาสน์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562/63 เป็นที่น่าประทับใจ โดยกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น 107% เป็น 2,460 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจาก “ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนและธุรกิจสื่อโฆษณา” รวมถึงการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน “บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) (หรือ ยู ซิตี้ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของเรา)” จากการบันทึกกำไรจากการขาย “บริษัท หมอชิตแลนด์ จำกัด” จำนวน 1,118 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิหลังหักภาษีจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 143% จากปีก่อนอยู่ที่ 2,378 ล้านบาท

โดยไตรมาส 3 ปี 2562/63 มีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 11,069 ล้านบาท โดยมีรายได้จาก “ธุรกิจระบบขนส่งมวลชน” จำนวน8,659 ล้านบาท คิดเป็น 78% ของรายได้รวม ด้านรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ประจำไตรมาส 3 ปี 2562/63 เพิ่มขึ้น 67% เป็น 942 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง – เคหะฯ) ทั้งสายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561

สำหรับผลการดำเนินงานจาก “ธุรกิจสื่อโฆษณา” ในไตรมาส 3 ปี 2562/63 นับเป็นอีกครั้งที่กลุ่มบริษัท VGI Group สามารถสร้างรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ โดยรายได้เติบโต 25%  YoY เป็น 1,867 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตในทุกหน่วยธุรกิจสื่อโฆษณา รวมถึงการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากการให้บริการสื่อโฆษณาออนไลน์ภายใต้ VGI Digital Lab ส่งผลให้กำไรของ VGI เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 30% เป็น 401 ล้านบาท

มิ.ย.นี้เตรียมเปิด4สถานี

พร้อมกันนี้ในไตรมาสนี้ “บีทีเอส กรุ๊ป” ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายการให้บริการระบบขนส่งมวลชนอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากการเปิดให้บริการสถานีห้าแยกลาดพร้าว ในเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดให้บริการเพิ่มอีก 4 สถานีของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 4 สถานีในเดือนมิถุนายน 2563 และคาดว่าจะเปิดให้บริการแบบเต็มสายทั้งหมด 16 สถานีภายในปีนี้ ทั้งนี้ เราคาดว่าการเปิดให้บริการสถานีใหม่เพิ่มเติมดังกล่าว จะช่วยดันรายได้การให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

 

ส่วนของ “ธุรกิจสื่อโฆษณา” นั้น เราเห็นบทบาทที่ชัดเจนขึ้นสำหรับการบริหารจัดการสื่อโฆษณาภายในประเทศ ภายหลังจากที่บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท ฮัลโหล บางกอก แอล อี ดี จำกัด (Hello LED) เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ VGI จะยังคงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการ Offline-to-Online (O2O) โซลูชั่นส์ และร่วมสรรค์สร้าง Synergy ระหว่างกลุ่มบริษัทต่อไป

ด้าน MACO นั้นจะมุ่งเน้นในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอย่างเต็มตัว และมีฐานะเป็นเจ้าของสื่อโฆษณาภายในประเทศ ในขณะที่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PlanB จะเป็นผู้บริหารจัดการขายและทำการตลาดสื่อโฆษณาในประเทศทั้งหมด  ทั้งนี้ เราคาดว่าการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทจากการผสานทีมงานซึ่งเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ และอาจนำไปสู่การลดต้นทุน รวมไปถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ อีกด้วย

เปิดกว้างเจรจาพันธมิตร

นอกเหนือจากผลประกอบการที่โดดเด่นในไตรมาสนี้แล้ว เรายังลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่เกื้อหนุนประโยชน์ต่อกันเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวในอนาคต พร้อมทั้งเปิดกว้างในการลงทุนในโอกาสทางธุรกิจที่จะต่อยอดและสร้าง Synergy ให้เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มธุรกิจในปัจจุบันของเรา ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา “บีทีเอส กรุ๊ป” ได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและขยายขอบเขตความสนใจไปยังโครงการด้านขนส่ง โครงการโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจการชำระเงิน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจโลจิสติกส์ และล่าสุด บริษัท (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจการร่วมค้า) เป็นผู้ชนะประมูลโครงการใหม่ ถึง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

“ ด้วยวิสัยทัศน์ ‘City Solutions’ ที่มุ่งหวังจะยกระดับการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน จากความมุ่งมั่นและตั้งใจดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความความยั่งยืนนี้ บริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากหลากหลายสถาบันชั้นนำระดับโลก โดยไตรมาสนี้ บีทีเอส กรุ๊ป ได้รับรางวัล the Best Green Bond ในหมวดคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานจากการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในงาน The Asset Triple A Sustainable Capital Markets Regional Awards 2019 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลความยั่งยืนระดับ Silver Class ที่จัดอันดับโดย RobecoSAM ซึ่งแสดงอยู่ใน The Sustainability Yearbook 2020 รางวัลเหล่านี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความพยายามของเราในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งในท้ายที่สุดจะส่งผลดีต่อผู้มีส่วนได้เสียของเราต่อไปในระยะยาว” นายกวิน กล่าว