บลจ.วรรณ เผยกระแสตอบรับ กองทุนทางเลือก ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ทะลุ 1 พันล้านบาท

233

บลจ.วรรณ  เผยผลตอบรับกองทุนทางเลือก ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ทะลุ 1 พันล้านบาท มองระยะสั้น ดัชนีหุ้นตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ตอบรับข่าววัคซีน Covid-19 ระยะกลางถึงยาว แนะลงทุน หุ้นกลุ่ม New Economy

ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มองเม็ดเงินต่างประเทศเริ่มไหลกลับเข้าตลาด Emerging Markets รวมถึงไทย ทั้งนี้ยังคงจับตาปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศ สำหรับนักลงทุนรับความเสี่ยงได้แนะจัดพอร์ตการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ หรือ ONEAM เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีมากหลังเปิดเสนอขายกองทุนทางเลือกกองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LS-UI) โดยสามารถสร้างมูลค่ากองทุนหลังปิดเสนอขาย IPO ได้ประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งปิดเสนอขายไปเมื่อกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยกองทุนนี้จะเน้นการลงทุนจากการเข้าซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา (โดยทั่วไปเรียกว่า Life Settlement) ที่ออกโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเป็นการจัดพอร์ตการลงทุนทางเลือกที่ไม่อิงต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้น

วัคซีนปัจจัยหลักหนุนตลาดหุ้น

สำหรับภาพรวมการลงทุน สัปดาห์นี้ คาดว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากวัคซีนต้าน Covid-19 ที่มีประสิทธิภาพสูง ประกอบกับรัฐบาลและธนาคารกลางในประเทศต่างๆ มีแนวโน้มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาจสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นได้ ส่งผลให้นักลงทุน Risk on มากขึ้น เป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามบลจ.วรรณ ยังคงติดตามความเสี่ยงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส4/2563 ซึ่งการแพร่ระบาดเริ่มรุนแรงขึ้นและหลายเมืองเริ่มกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง

“การลงทุนถัดจากนี้  ภายหลังมีข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน ทำให้ตลาดมีความคาดหวังการกลับสู่ภาวะปกติ และเคลื่อนย้ายเงินลงทุนทั้งในแง่ภูมิภาคและอุตสาหกรรมเข้าสู่หุ้นกลุ่ม Old Economy เช่น ธนาคาร พลังงาน เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าลงทุนระยะยาว แม้ว่ามุมมองด้านการเติบโตของกำไรยังไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่ม New Economy อาทิ เทคโนโลยี สินค้าฟุ่มเฟือย

โดยระยะสั้นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการ Lockdown มีแนวโน้มถูกขายทำกำไร แต่ในระยะกลางถึงยาว บลจ.วรรณ ยังเชื่อมั่นว่าหุ้นกลุ่ม New Economy ที่อยู่ภายใต้กองทุนหลัก Baillie Gifford LTGG  เช่น ONE-UGG, ONE-DISC หรือแม้แต่หุ้นในกลุ่ม  e-Commerce, Social media, platform, Food Delivery เช่น ONE-GECOM  หรือ ONE-ALLCHINA ยังเป็นที่หมายตาของนักลงทุนทั่วโลก จากลักษณะเด่นสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ และยังหาผู้ทดแทนในอนาคตได้ยาก” นายพจน์กล่าว

ตีกรอบดัชนี 1,380 – 1,450 จุด

นายพจน์กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า สัปดาห์นี้บริษัทมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,380 – 1,450 จุด โดยเริ่มเห็น Fund Flows ไหลกลับเข้าตลาด Emerging Markets และไหลกลับเข้าตลาดไทยสูงขึ้น สะท้อนผ่านปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมาจากการเก็งกำไรรับข่าวความคืบหน้าวัคซีนของบริษัทผู้พัฒนาต่างๆทั่วโลก ประกอบกับสถานะการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติต่ำมากเมื่อเทียบกับในอดีต (ราว 26%)

อย่างไรก็ตามมองไปข้างหน้าตลาดหุ้นไทยยังคงต้องเผชิญความท้าท้ายในเชิงปัจจัยพื้นฐาน โดยอาจจะต้องรอจนกระทั่งถึงวัคซีนใช้งานจริงอย่างแพร่หลาย ซึ่งคาดว่าประมาณกลางปีหน้า ถึงจะพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาจำนวนมากอีกครั้ง อย่างไรก็ดีในระยะสั้นอาจระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นไทยบ้าง ทั้งนี้ หากดัชนีปรับตัวลดลงมาแตะระดับแนวรับ แนะนำ ทยอยสะสมได้ ในส่วนของนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำกระจายพอร์ตการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ