TPIPP โชว์ศักยภาพปี 63 ดันผลงานเติบโตแกร่ง กวาดรายได้กว่า 11,000 ล้านบาท

96

บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP โชว์ผลประกอบการปี 2563 ทุบสถิติสูงสุดต่อเนื่อง ทำรายได้รวม 11,444 ล้านบาท เติบโต 4.96% และกำไรจากการดำเนินงาน 4,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.32% พร้อมเร่งเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์3-5 ปี สร้างการเติบโต หลังบรรลุแผนการเติบโตระยะสั้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเป็นที่เรียบร้อย เดินเกมสร้างแผนการเติบโตระยะกลางต่อ เร่งเครื่องประมูลโครงการโรงไฟฟ้ากว่า 11 โครงการ มูลค่ารวม 135 เมกะวัตต์ 

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) TPIPP เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 11,444  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.93%จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายได้ 10,905.82 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 4,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.32% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 4,617 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทฯ สามารถสร้างประวัติศาสตร์ทำผลการดำเนินงานทุบสถิติใหม่ ทั้งด้านรายได้ กำไรจากการดำเนินงาน และปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น หลังติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) แล้วเสร็จ

โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ทำให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงกว่า 95% ประกอบกับ รับผลบวกจากปริมาณการขายไฟฟ้าจากโรงงานปูนซีเมนต์ของบริษัทแม่ (TPIPL) บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ใช้ RDF จากขยะสดของเทศบาล (MSW) ซึ่งเทียบกับขยะสดประมาณ 10,000 ตันต่อวัน นับเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกจาก MSW ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อตอบสนองความสะอาดเรียบร้อย และสิ่งแวดล้อมที่ดีของประเทศและของโลก ตามแนวสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล Environment Social Governance (ESG) ของฝ่ายการเงิน การธนาคาร และตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งถ้าทำ ESG Rating ด้วยวิธีคำนวน ESG Rating  ของนานาชาติ โดยไม่มีอคติ บริษัทน่าจะอยู่ใน TOP 10 ของ ESG 10 ของโลก 

สำหรับปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง ตามแผนยุทธศาสตร์ 3-5 ปี ที่เคยกำหนดไว้ เพื่อสร้างการเติบโตระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้บรรลุเป้าหมายการเติบโตในระยะสั้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งหลังจากนี้ TPIPP จะเร่งสร้างการเติบโตในระยะกลางต่อไป ในการเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทฯ ได้ชนะประมูลโรงไฟฟ้าขยะที่จังหวัดสงขลา กำลังการผลิต 9.9 เมกกะวัตต์

โดยมีสัญญาขายไฟ 7.92 เมกกะวัต์  มีสัญญาขายไฟ 20 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปี ต่อเนื่อง โดยมีราคาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 5.78 บาท สำหรับ 8 ปีแรก และ 5.08 บาท สำหรับ 12 ปีหลัง อีกทั้งยังได้รับค่าจำกัดขยะอีก 400 บาทต่อตัน ตามประกาศของกระทรวงพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 2,000 ล้านบาท สำหรับโครงการดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในปี 2566  

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอประกาศผลโครงการโรงไฟฟ้าขยะของ เทศบาลจังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิต 12 เมกกะวัตต์ โดยมีสัญญาขายไฟ 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งจะรู้ผลประมูลในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ TPIPP เตรียมเข้าประมูลงานโรงไฟฟ้าขยะอื่น ๆ อีกกว่า 11 โครงการ มูลค่ารวม 135 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเข้ามาชดเชย Adder จากโรงไฟฟ้าขยะชุดแรกที่จะทยอยหมดอายุช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3ในปี 2565 จำนวน 73 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังมี โรงไฟฟ้าที่รับ Adder อยู่อีก 90 เมกะวัตต์ ดังนั้น Adder ชุดแรกจึงนับเป็นเพียง 45% ของ Adder ทั้งหมด นอกจากนั้นถึงแม้จะสิ้นสุดการได้รับค่า Adder ในชุดแรก แต่ TPIPP ยังคงมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าแก่ EGAT ที่ราคาไฟฟ้าฐานซึ่งสามารถต่ออายุสัญญาได้ 

ส่วนความคืบหน้าของโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตที่จะนะ สงขลา ซึ่งมติครม.เห็นชอบไปแล้วนั้น ขณะนี้บริษัทกำลังเตรียมการในการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Impact Assessment (EIA) และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ Environmental and Health Impact Assessment (EHIA) รวมถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องที่ดิน เอกสารสิทธิ์ และใบอนุญาตต่าง ๆ โดยการกระทำทั้งหมดต้องทำตามทุกขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ไม่มีการลัดขั้นตอนใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้นว่าจะมีชุมชนบางกลุ่มซึ่งได้รับการยุยงจากกลุ่มที่ต่อต้านโครงการและโรงไฟฟ้าคู่แข่งซึ่งมีคดีอยู่ที่ปปช. และหวังจะมาแย่งโครงการนี้ไปทำทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีความสามารถเหมือนดังที่ปรากฎความล้มเหลวในโครงการนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกรัฐบาลพม่ายกเลิกมาแล้ว ให้มาคัดค้านเรื่องที่ดินของบริษัทฯ บริษัทฯ
ก็พร้อมที่จะแสดงเอกสารสิทธิ์เพื่อแสดงความถูกต้องตามกฎหมายต่อไป