OR เปิดแผนลงทุนปี 64

254

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) โดยนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ปี 2563 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“กลุ่ม OR”) มีรายได้ขายและบริการ 428,804 ล้านบาท ลดลง 148,330 ล้านบาท (-25.7%) จากปีก่อน โดยหลักจากรายได้กลุ่มธุรกิจน้ำมัน โดย (1) ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นผลจากสงครามราคาระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (OPEC) และประเทศรัสเซีย ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันทั่วโลก รวมทั้งอุปสงค์ของน้ำมันทั่วโลกก็ลดลงจากการระบาดของโรค COVID-19 และ (2) ปริมาณขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักปรับลดลง ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานดีเซล และเบนซิน จากผลกระทบของการระบาดของโรค COVID-19 สำหรับในประเทศไทยเพื่อระงับและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคCOVID-19 รัฐบาลไทยจึงได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทาง และเวลาในการเปิด-ปิด ร้านค้า ส่งผลกระทบต่อปริมาณการขาย ในช่วงเดือนเมษายน 2563 อย่างไรก็ตามปริมาณการขายก็เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับเมื่อรัฐบาลไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆในเดือนพฤษภาคม 2563 โดย ไตรมาส 4/2563 ปริมาณการขายปรับตัวเพิ่มเกือบเทียบเท่าสถานการณ์ปกติก่อนภาวะ COVID-19ยกเว้นผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน ที่ยังได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และปริมาณเที่ยวบินทั่วโลกที่ลดลง และ LPG ภาคครัวเรือนจากสภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัว สำหรับรายได้กลุ่มธุรกิจ Non-Oil ลดลง โดยหลักจากรายได้ของร้านค้าสะดวกซื้อ สำหรับรายได้กลุ่มธุรกิจต่างประเทศลดลงเช่นกัน สาเหตุจากผลกระทบของการระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลต่อราคาขายผลิตภัณฑ์และปริมาณขายที่ลดลง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน

สำหรับ EBITDA ในปี 2563 จำนวน 17,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 615 ล้านบาท (+3.6%) จากปีก่อน บางส่วนเป็นผลจากการปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน (Thailand Financial Reporting Standard : TFRS ) ฉบับที่ 16 สัญญาเช่า ทำให้ต้องจัดประเภทค่าเช่าที่เข้าเงื่อนไขตามมาตรฐานบัญชี จากเดิมจัดอยู่ในประเภทค่าใช้จ่ายดำเนินงานไปเป็นค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้นประมาณ 1,361 ล้านบาท แม้ว่ากำไรขั้นต้นปรับลดลง948 ล้านบาท (-2.8%) โดยหลักจากธุรกิจน้ำมันในผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานที่ปริมาณขายลดลงขณะที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยของน้ำมันอากาศยานปรับเพิ่มขึ้น ในด้านค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิและรายได้อื่น ปรับลดลง 1,567 ล้านบาท (-9.2%) โดยหลักจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงผันแปรตามปริมาณขายที่ลดลงเช่น ค่าจ้างเติมน้ำมันอากาศยาน ค่าขนส่ง ค่าโฆษณาส่งเสริมการขาย เป็นต้น รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ตามที่กล่าวข้างต้น ทำให้ปี 2563 มี EBITDA margin รวมที่ 4.1%

สำหรับ กำไรสุทธิในปี 2563 มีจำนวน 8,791 ล้านบาท ลดลง 2,105 ล้านบาท (-19.3%) จากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นจากการขยายสถานีบริการและร้านคาเฟ่ อเมซอน รวมถึงการจัดประเภทค่าใช้จ่ายตามมาตรฐานบัญชีใหม่นอกจากนี้ มีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินเพิ่มขึ้น จากการเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9เครื่องมือทางการเงิน ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2563 โดยรวมแล้วส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้น อยู่ที่ 0.98 บาท ปรับลดลง (-19 %)

คาดความต้องการใช้น้ำมันเพิ่ม

สำหรับแนวโน้มปี 64 ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 2564 ตามรายงานของ IEA ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 ไปอยู่ที่ระดับ 96.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน สศช. คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ในช่วง48.0 – 58.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ (1) แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (2)ความร่วมมือระหว่าง OPEC ในการปรับลดกำลังการผลิตในปี 2564 (3) ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำ และ (4)ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของกลุ่ม OPEC

ปี 64 เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง

OR มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายเครือข่ายทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ Non-Oil ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยณ 31ธันวาคม 2563 มีสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ PTT Station จำนวน 2,334 สถานี และร้านคาเฟ่ อเมซอน จำนวน3,575 สาขา และร้านเท็กซัส ชิคเก้น 78 แห่ง นอกจากนี้ OR ยังมีโครงการลงทุนที่สำคัญเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยมีความคืบหน้า ดังนี้

• การก่อสร้างโรงงานเบเกอรี่ส่วนกลาง ศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน โรงผลิตผงผสมเครื่องดื่ม เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ และควบคุมมาตรฐานและคุณภาพ โดยมีแผนจะแล้วเสร็จภายในปี 2564
• การดำเนินการก่อสร้างคลังเก็บผลิตภัณฑ์แห่งใหม่ในเมียนมาผ่านบริษัทร่วมค้า Brighter Energy CompanyLimited (BE) เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจน้ำมันในเมียนมา โดยมีแผนจะแล้วเสร็จภายในปี 2564

www.mitihoon.com