
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ได้กำหนดสัดส่วนกำลังผลิตจากพลังงานทดแทนไว้ร้อยละ 25 จากเป้าหมายรวม 10,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการศึกษาความเหมาะสมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่มีศักยภาพในต่างประเทศที่มีเป้าหมายและแผนส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างจริงจังหลายแห่ง ล่าสุด บริษัทฯ ได้เข้าลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นร้อยละ 50 ในบริษัท Nexif Energy BT Pte. Ltd. มูลค่า 272.58 ล้านบาท บริษัทดังกล่าวถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทย่อย Nexif Energy Ben Tre One Member Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเน็กส์ซิฟ เบนเตร กำลังผลิตติดตั้ง 80 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในเวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการและเจรจาสัญญาหลัก หากแล้วเสร็จจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 18 เดือน และสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2565 โดยมีการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity: EVN) เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี
“โครงการพลังงานลมเน็กส์ซิฟ เบนเตร เป็นโครงการแห่งที่ 2 ในเวียดนามต่อจากโครงการพลังงานลมทานฟงในเวียดนาม (Ecowin) ทั้งนี้ เวียดนามมีแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติที่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคม โดยได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาแหล่งพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศด้วย ซึ่งบริษัทฯ พิจารณาเห็นศักยภาพการลงทุนและเชื่อมั่นว่าเวียดนามจะเป็นฐานธุรกิจสำคัญของบริษัทฯ ในอนาคตด้วย สำหรับเงินลงทุนในโครงการเน็กส์ซิฟ เบนเตร บริษัทฯ ใช้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือหุ้นกู้สีเขียวที่ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 บริษัทฯ ตั้งใจที่จะพัฒนากำลังผลิตจากพลังงานทดแทนให้สำเร็จตามเป้าหมาย 2,500 เมกะวัตต์ในปี 2568 เพราะจะส่งผลต่อความสำเร็จของเป้าหมายการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากพลังงานทดแทนของบริษัทฯ ที่กำหนดไว้ร้อยละ 20 ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในปี 2568” นายกิจจา กล่าว
www.mitihoon.com