EFORL ขายหุ้นกลุ่มบริษัท “วุฒิศักดิ์” มุ่งเน้นธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ขายกิจการความงาม

615

 

มิติหุ้น-EFORL ขายหุ้นสามัญทั้งหมดจนสิ้นสภาพบริษัทย่อย ของบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนในกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ ลดผลกระทบจากการขาดทุนจากการดำเนินงานของธุรกิจความงาม มุ่งเน้นการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์

นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จํากัด  (มหาชน) (EFORL) ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า  คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2564        ( 4 มิถุนายน64 ) อนุมติการขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (“WCIH”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทถือหุ้นอยู่จำนวน 101,849,993 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 56 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง

ซึ่งบริษัทจะขายหุ้นในราคาหุ้นละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 1,018,499.93 บาท ให้แก่  คุณทัศนี     คนการ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกันตามประกาศสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  โดย WCIH ประกอบธุรกิจการลงทุนในกลุ่มบริษัท “วุฒิศักดิ์” ซึ่งประกอบด้วย บจก.วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป, บจก.ดับบลิว.เอส.เซอร์จีรี่ 2014, บจก.ดับบลิว เวลเนส อินเตอร์, บจก.วุฒิศักดิ์ คอสเมติก อินเตอร์, บจก.ดับบลิว โกลบอล และ บจก.วุฒิศักดิ์ ฟามาซี อินเตอร์ จำกัด

“ การขายหุ้น WCIH ทั้งหมด จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทดีขึ้น ลดผลกระทบจากการขาดทุนจากการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH ในงบการเงินรวมของบริษัท เนื่องจากการดำเนินของกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ไม่เป็นไปตามประมาณการ ส่งผลให้ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับแนวโน้มการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่องและหลายบริษัทหยุดประกอบธุรกิจ บริษัทสามารถจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนใช้ในการดำเนินธุรกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายปรีชา กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EFORL กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเครื่องมือทางการแพทย์  ซึ่งเป็นรายได้หลัก และตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริษัทได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้ป่วยโควิด – 19 เช่น เครื่องเอกซเรย์ปอดแบบ Portable เครื่อง Oxygen Hi  Flow เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดแบบ  Portable เครื่องวัดสัญญานชีพผู้ป่วยในห้องควบคุมความดันลบ เป็นต้น เพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต  ขณะที่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนกว่า 176 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นด้วย  และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโต 15% ตามแผนงานที่วางไว้ จากปีที่ผ่านมา และในวันที่ 11 มิถุนายน 2564 จะปรับย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมจากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Services) ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค (Consumer Products) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

www.mitihoon.com