SEAFCO คว้า3งานใหม่เข้ามือ แบ็คล็อกโตดันกำไรทั้งปีเดินหน้า

203

 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซีฟโก้ หรือ SEAFCO แจ้งว่า บริษัทรับงาน 3 โครงการใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2564 รวมเป็นเงินประมาณ 204,120,000 บาทยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยโครงการ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอาคารสำนักงาน 2 ของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) ถ.เชิดวุฒากาศ ดอนเมือง กทม. เป็นงานเสาเข็มเจาะแบบกลม ระบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Bored Pile)โดย บมจ.เพาเวอร์ไลน์เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) เป็นผู้ว่าจ้าง โดยเริ่มงานเดือน มิถุนายน 2564

โครงการอาคาร เอ เค เอ็น ถ.สุรวงศ์ กทม. เป็นงานเสาเข็มเจาะแบบกลม ระบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Bored Pile)และกำแพงกันดินระบบไดอะแฟรมวอลล์ (Diaphragm Wall) บมจ. อาคเนย์ประกันชีวิต เป็นผู้ว่าจ้าง เริ่มดำเนินงานเดือนกรกฎาคม 2564 และ โครงการ ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ถ.เจริญนคร กทม. เป็นงานกำแพงกันดินระบบไดอะแฟรมวอลล์ โดยบมจ.เพาเวอร์ไลน์เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) เป็นผู้ว่าจ้าง เริ่มดำเนินงานเดือนพฤศจิกายน 2564

ด้าน บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดปัจจุบัน SEAFCO มี Backlog ในมือประมาณ 1,700 ล้านบาท และคาดส่วนใหญ่ทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดในปีนี้ ขณะที่ก่อนหน้า SEAFCO เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างรอผลประมูลงาน ประมาณ 5,037 ล้านบาท คาดได้งานไม่ต่ำกว่า 20% หรือ 1,000 ล้านบาท ทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นสู่ระดับใกล้เคียง 3,000 ล้าน บาท เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ในปี64 ที่ SEAFCO คาดมีโอกาสทรงตัวเมื่อเทียบกับ 2,556 ล้านบาท เมื่อปี 63

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดปี 64 กำไรสุทธิ 175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% หรือ 0.24 บาท/หุ้น แม้คาด Backlog ที่มีอยู่จะ เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ในปี 64 แต่คาดความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งคาด SEAFCO ใช้สัดส่วนเครื่องจักรอุปกรณ์เพิ่มขึ้น คาดช่วยทดแทนแรงงานที่ขาดแคลนได้ระดับหนึ่ง โดยคาด Gross Profit Margin เฉลี่ยปี64 15%

พร้อมกับโอกาสได้รับงานเพิ่มจากโครงการขนาดใหญ่ที่คาดทยอยเข้ามาในช่วง 2H164 ซึ่งคาด SEAFCO ได้ ประโยชน์ในการเป็น Sub-contractor (งานฐานราก) เช่น ส่วนต่อขยายสายสีส้ม/ม่วง รถไฟทางคู่เฟส 2 รวมถึง รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน คาดเริ่มก่อสร้างหลังส่งมอบพื้นที่กลางปี 64 ภายใต้ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่อาจทำให้ Backlog ไม่ต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลต่อราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะราคาเหล็กที่สูงขึ้น ทำให้ในครั้งนี้ปรับราคาเป้าหมายปี 64 จาก 6.85 เป็น 6.00 บาท อิง PE 25 เท่า (เดิม 30เท่า) แต่ยังแนะนำ ซื้อ

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp