GCAP ตั้งธงภาคเกษตรยังเป็นลูกค้าหลัก เน้นบริการสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร ลุยพอร์ตสินเชื่อโตเพิ่ม 20%

66

มิติหุ้น   –  จีแคปฯ ตั้งธงภาคเกษตรยังเป็นลูกค้าหลัก เพราะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ เน้นบริการสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร นวัตกรรมใหม่ๆ ลุยขยายพอร์ตสินเชื่อ และเปิดโอกาสศึกษาหาธุรกิจใหม่ สร้างสมดุลของโครงสร้างรายได้ระยะยาว
                นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP  เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของบริษัทฯ ว่า GCAP ยังคงมุ่งเน้นที่กลุ่มเกษตรกรเป็นลูกค้าหลัก เนื่องจากภาคการเกษตรของไทยเป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและทำได้ดีมาโดยตลอด รวมถึงเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มเกษตรกรเป็นอย่างดีปีนี้ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่เติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปี 2564 โดยสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเงินกู้คิดเป็น 90% และ 10% ตามลำดับ
“ปีนี้ GCAP ตั้งเป้าขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อภาคการเกษตร ให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเน้นบริการสินเชื่อที่ครอบคลุมเครื่องจักรกลการเกษตรหลากหลายประเภท โดยเฉพาะนวัตกรรมเครื่องจักรการเกษตรใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ที่จะเข้ามายกระดับคุณภาพและผลผลิตสินค้าเกษตรของประเทศไทย” นายอนุวัตร กล่าว
ในขณะเดียวกัน GCAP ไม่หยุดนิ่งที่จะหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม ปัจจุบันได้ศึกษาการสร้างรายได้ในด้านอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลของโครงสร้างรายได้ให้มากขึ้น รวมถึงการสร้างรายได้จากบริการอื่นๆ จากฐานลูกค้าปัจจุบัน และการเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่สนใจจะเข้าร่วมทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ นอกเหนือจากธุรกิจให้บริการสินเชื่อ
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 ของ GCAP ขาดทุนสุทธิ 15.13 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (มาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน) ตามประกาศฉบับใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องมีการพิจารณาวิเคราะห์เพิ่มเติมรายสัญญาถึงความสามารถในการชำระหนี้, พฤติกรรมในการชำระหนี้ และงวดค้างชำระของลูกหนี้ ทำให้มีการจัดชั้นลูกหนี้ตามมาตรฐานใหม่ ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องมีการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตของสินเชื่อเช่าซื้อและเงินกู้เพิ่มขึ้น 28.06 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 58.08 ล้านบาท ลดลง 7.68 ล้านบาท หรือ 11.68% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้รวม 65.76 ล้านบาท และมีต้นทุนทางการเงินลดลง 9.91 ล้านบาทหรือ 29.45% และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 10.77 ล้านบาทหรือ 30.05%”

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp