ซิสโก้เปิดตัวนวัตกรรมขับเคลื่อนกลยุทธ์คลาวด์ซีเคียวริตี้รูปแบบใหม่

69

มิติหุ้น – ซิสโก้ ผู้นำด้านระบบเครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กร เปิดเผยการวางแผนแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับโลกที่เชื่อมต่อองค์กรทุกขนาด ทุกรูปแบบอย่างปลอดภัย โดยซิสโก้กำลังออกแบบ Cisco Security Cloud ให้เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างที่สุดในอุตสาหกรรม ทำหน้าที่ปกป้องอีโคซิสเต็มส์ของไอทีทั้งหมดโดยไม่ต้องล็อกอินพับลิคคลาวด์

จีทู พาเทล รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายระบบรักษาความปลอดภัยและการทำงานร่วมกันของซิสโก้ กล่าวว่า “ด้วยความซับซ้อนของการทำงานแบบไฮบริด การเร่งการนำคลาวด์มาใช้อย่างต่อเนื่อง และแลนด์สเคปภัยคุกคามที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว องค์กรต่างๆ กำลังมองหาพันธมิตรที่น่าเชื่อถือได้เพื่อช่วยให้พวกเขามีความยืดหยุ่นด้านการรักษาความปลอดภัย เราเชื่อว่าซิสโก้อยู่ในตำแหน่งที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวเนื่องด้วยสเกล ความหลากหลายของโซลูชัน และโมเดลธุรกิจคลาวด์แบบเป็นกลาง (Cloud Neutral) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ ซิสโก้ได้ส่งมอบวิสัยทัศน์ด้านแพลตฟอร์มคลาวด์ และเราก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะเพิ่มขีดความสามารถของนวัตกรรมของเราอย่างรวดเร็วเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ Cisco Security Cloud”

Security Cloud จะให้ประสบการณ์แบบบูรณาการในการเชื่อมต่อผู้คนและอุปกรณ์เข้ากับแอปพลิเคชันและข้อมูลอย่างปลอดภัยในทุกๆ ที่ ด้วยการจัดการแบบครบวงจร (Unified Management) แพลตฟอร์มแบบเปิดนี้จะให้ความสามารถในการป้องกันภัยคุกคาม การตรวจจับ การตอบสนอง และการแก้ไขปัญหาในขอบเขตที่กว้างขึ้นได้

ซิสโก้ได้ดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่คลาวด์ซีเคียวริตี้มาระยะหนึ่งแล้ว และจะอัปเดทความก้าวหน้าของการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซีเคียวริตี้

ปกป้องการเข้าถึง (Secure Access)

ซิสโก้เปิดศักราชใหม่สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust แห่งอนาคต ด้วยการสร้างโซลูชั่นที่รองรับการเข้าถึงที่ไว้ใจได้อย่างต่อเนื่อง (Continuous Trusted Access) โดยมีการตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ใช้และอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสถานะของอุปกรณ์ ช่องโหว่ และตัวบ่งชี้ความเสี่ยง  การตรวจสอบด้วยระบบอัจฉริยะนี้ดำเนินการในส่วนพื้นหลัง ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีอุปสรรคเรื่องการรักษาความปลอดภัย  นอกจากนี้ ซิสโก้ยังนำเสนอวิธีการที่มีลักษณะรุกล้ำน้อยกว่าในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยอาศัยการตรวจสอบความเสี่ยง (Risk-based Authentication) รวมถึงเทคโนโลยี Wi-Fi Fingerprint ที่อยู่ระหว่างการขอจดสิทธิบัตร ซึ่งทำหน้าที่เป็นพร็อกซี่ตำแหน่งที่ตั้งที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

ในการประเมินความเสี่ยงหลังจากที่ผู้ใช้ล็อกอินเข้าสู่ระบบ ซิสโก้ได้สร้างระบบวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของเซสชั่น (Session Trust Analysis) โดยใช้มาตรฐานเปิดสำหรับสัญญาณและเหตุการณ์ที่ใช้ร่วมกัน (Shared Signals and Events) เพื่อแชร์ข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการ  ซิสโก้ได้เผยโฉมเทคโนโลยีนี้เป็นครั้งแรกในการสาธิต Cisco Secure Access by Duo และ Box

แอรอน เลวี่ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของ Box กล่าวว่า “แลนด์สเคปด้านภัยคุกคามในปัจจุบันมีการพัฒนาเร็วขึ้นกว่าที่เคย เรารู้สึกตื่นเต้นที่เรามีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับซิสโก้ และมอบเครื่องมือใหม่อันทรงพลังนี้ให้กับลูกค้า ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถดำเนินการกับการเปลี่ยนแปลงกับความเสี่ยงแบบไดนามิกและแบบเกือบเรียลไทม์ คุณสามารถคาดหวังได้เลยว่าจะได้เห็นนวัตกรรมและการดำเนินการที่มากกว่าจาก Box และซิสโก้ที่ช่วยธุรกิจปกป้องคอนเทนต์ได้ในทุกสถานที่ ทุกแอปพลิเคชัน และทุกอุปกรณ์”

ปกป้องส่วน Edge ของเครือข่าย

เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่องค์กรในการเชื่อมต่อและปกป้องผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ในทุกๆ ที่ไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ใด ซิสโก้จึงได้นำเสนอ Cisco+ Secure Connect Now และโซลูชั่น Cisco Secure Access Services Edge หรือ SASE โดย Cisco+ Secure Connect Now เป็นข้อเสนอบริการแบบเบ็ดเสร็จในหลายประเทศเพื่อการปรับใช้ SASE อย่างรวดเร็ว และทำให้การดำเนินงานในแต่ละวันนั้นง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มที่จัดการบนคลาวด์ในรูปแบบการสมัครสมาชิกแบบ as-a-service ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับบริการตามความต้องการโดยการจัดการผ่านแดชบอร์ดแบบรวมศูนย์ที่ใช้งานได้ง่าย

ซิสโก้นำเสนอเทคโนโลยีด้านระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยที่กว้างขวางและเจาะลึกมากกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ Telefonica เพิ่มการใช้บริการ SASE ของซิสโก้เข้ากับพอร์ตโฟลิโอบริการ

ราเมศ ซาวัท, ผู้อำนวยการด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ และ ผลิตภัณฑ์คลาวด์และบริการที่ Telefonica Tech กล่าวว่า “ขณะที่องค์กรต่างๆ ปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นรูปแบบไฮบริด และทำงานจากทุกที่ เรามุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรเหล่านี้ในการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย เราร่วมมือกับซิสโก้เพื่อจะนำเสนอนวัตกรรมบริการที่รวม SD-Branch กับ Cisco SASE เข้าด้วยกันเพื่อจัดการกับการเชื่อมต่อแบบ next-generation และ use cases ด้านซีเคียวริตี้สำหรับสาขา และพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริด”

ปกป้องการดำเนินงาน

ซิสโก้ได้เพิ่มบริการใหม่ Talos Intel On-Demand สำหรับการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยคุกคาม  นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจจับและตอบสนองต่อปัญหาด้านความปลอดภัย ซิสโก้จึงได้พัฒนา Cisco Secure Cloud Analytics ด้วยความสามารถในการส่งการแจ้งเตือนไปยัง SecureX โดยอัตโนมัติ และเชื่อมโยงการแจ้งเตือนดังกล่าวเข้ากับ MITRE ATT&CK  ก่อนหน้านี้ซิสโก้ได้เปิดตัว SecureX Device Insights สำหรับการรวบรวม เชื่อมโยง และปรับให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ภายในสภาพแวดล้อมขององค์กร และได้บูรณาการ Kenna and Secure Endpoint เพื่อปรับปรุงการจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่ด้านความปลอดภัย  นอกจากนั้นซิสโก้ยังได้นำเสนอ Secure Firewall 3100 Series ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการทำงานแบบไฮบริด ด้วยเอนจิ้นใหม่สำหรับการตรวจสอบแบบเข้ารหัสซึ่งใช้ artificial intelligence (AI) และ machine learning (ML) ในการตรวจจับภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่

การลดความยุ่งยากซับซ้อน

ซิสโก้ลดความยุ่งยากซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดด้วยการเปิดตัว Secure Client  นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ผู้ดูแลระบบและผู้ใช้ในการจัดการอุปกรณ์ปลายทาง ราวครึ่งหนึ่งของ Cisco Secure agents รวมถึง AnyConnect, Secure Endpoint และ Umbrella จะถูกผนวกรวมเข้าด้วยกันภายในกลางปีนี้ และจะมีการใส่องค์ประกอบเพิ่มเติมตลอดเวลา  การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดตัว Secure Firewall Management Center ซึ่งเปิดใช้งานผ่าน Cisco Defense Orchestrator และรวมเข้าด้วยกันกับการจัดการทั้งไฟร์วอลล์บนคลาวด์และ on-premise.

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp