เมื่อเต่าบิน…ถูกเด็ดปีก

7600

มิติหุ้น-เต่าบิน…ยังไม่ได้ทันได้บินเหินทั่วน่านฟ้า ก็มาถูกเด็ดปีกเสียแล้ว แรกเริ่มเดิมทีกระแสของ “เต่าบิน” ถูกปลุกขึ้นมาจากความเห็นของผู้ใช้บริการ เมื่อใช้งานแล้วฟิน เลยเกิดกระแสแบบปากต่อปาก ลุกลามไปในวงกว้างจนเหล่าบรรดา Influencers ทั้งหลาย หลั่งไหลทำคอนเทนท์รีวิว แบบรัวรัว  โดยที่ทางบริษัทไม่ได้เสียเงินค่าโปรโมทซักกะบาท
“เต่าบิน” ตู้แรกถูกปล่อยออกมาทดลองตลาดในเดือนม.ค.64 ผ่านการดำเนินการโดยบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส (Smart Service Business)  ภายใต้การบริหารของ FORTH หรือบมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น

กระแส “เต่าบิน” เริ่มปัง ตั้งแต่ปลายปี 2564 และมาพีคสุดสุดในช่วงต้นปี 65 ด้วยกระแสที่เพิ่มขึ้นทำให้ “เต่าบิน” เริ่มทำกำไรได้ดี

“เต่า” เริ่มสำแดงเดช พร้อมบิน จากกำไร 9 ลบ. ในเดือนม.ค. 65 พุ่งแตะ 14 ลบ.ในเดือนมี.ค.  และไต่ระดับ 24 ลบ.ในเดือนเม.ย. 65  สู่ 30 ลบ. ในเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา  และเดือนมิ.ย. เพิ่งผ่านพ้นไปหมาด ๆ ทาง “เต่าบิน” ขออุบตัวเลขกำไรไว้  แต่ยืนยันว่า กำไรไม่มีดรอป

แม้จะเผชิญกระแสข่าวโหมกระหน่ำช่วงเดือนมิ.ย. 65 เปิดฉากด้วยข่าว เปิดเสรีกัญชาไม่นาน กลับมีข้อกังวลถึงผลข้างเคียงของกัญชา โดย“เต่าบิน” เป็นหนึ่งในตู้เครื่องดื่มที่ถูกเพ่งเล็ง ด้วยความที่บรรจุเมนูเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา เข้าถึงผู้บริโภคง่ายโดยเฉพาะลูกเล็กเด็กแดง  ด้วยกระแสสังคมดังกล่าว ทางกระทรวงสาธารณสุข Take action ทันทีด้วยการออกประกาศในวันที่ 16 มิ.ย. 65 จำกัดให้พืชกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม “ห้ามจำหน่ายให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร”  และ “เต่าบิน” ขานรับนโยบายทันควันด้วยการดึงเมนูที่มีส่วนผสมของกัญชาออกทันที

ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก เจอประเด็นข่าวที่ว่า  “เต่าบิน” ถูกแอนตี้ เหตุมีนามสกุล “ชิดชอบ” เข้าถือหุ้น  ในเรื่องนี้ “เต่าบิน” ชี้แจงว่า

เป็นการซื้อขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายอื่นกับบุคคลในตระกูลชิดชอบ ซึ่งการซื้อขายดังกล่าวเป็นไป ตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทฯ ไม่ได้มีการชักจูงหรือเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นพิเศษ และตระกูลชิดชอบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง         

          ถึงจะถูกกระแสลบถาโถม “เต่าบิน” กลับมั่นใจว่าไม่สะเทือนการเติบโต เพราะในช่วงพีคสุด ๆ ยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 80-100 แก้วต่อวันต่อตู้ และขณะนี้แม้จะถูกกระแสข่าวโจมตี ยอดเฉลี่ยไม่ได้ตก ด้วยจำนวนตู้ทั้งหมด 2,000 ตู้  ตั้งเป้าหมายสิ้นปีที่ 5,000 ตู้ และในปี 67 คาดเพิ่มแตะ 20,000 ตู้

พร้อมประกาศชัดเดินหน้านำ “ฟอร์ท เวนดิ้ง” เข้าSET ภายในปี 2566 ขณะนี้ได้รายชื่อผู้มาทำหน้าที่ FA แล้ว

หากพิจารณาโอกาสทางธุรกิจของ “เต่าบิน”  คำนวณง่าย ๆ บนสมมุติฐานต่ำสุดที่ 30 แก้วต่อตู้ต่อวัน ราคาเฉลี่ยที่ 30 บาท ยอดขายจะตกเดือนละ 27,000 บาทต่อเดือน หรือปีละ 324,000 บาทต่อตู้ หากเป้าหมายปีนี้ที่ 5,000 ตู้ ยอดขาย “เต่าบิน” ปีนี้จะอยู่ที่ 1,620 ลบ.

เมื่อขยับสมมุติฐานเป้าที่ 20,000 ตู้ จำนวนแก้วต่อวันที่ 30 แก้ว ยอดขายจะอยู่ที่ 6 พันลบ. และหากจำนวนแก้วต่อวันขยับเพิ่มไปที่ 50 แก้ว ยอดขายจะพุ่งไปที่ 1 หมื่นลบ. แต่ทั้งนี้ยอดขายนี้ไม่ได้เข้า กระเป๋า “เต่าบิน” เต็ม ๆ จะมีส่วนแบ่งรายได้ให้กับตัวแทน ที่ทำหน้าที่ดูแลตู้

แค่เห็นตัวเลขการเติบโตแล้วแทบจะร้อง ไอ้หยา … นั่งนับวันรอ “เต่า” บินเข้า “SET”

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp