B กางแผนยุทธศาสตร์ครึ่งปีหลัง ดัน”ขนส่งและโลจิสติกส์-บริษัทร่วมทุน”โตยกแผง @ส่งบริษัทลูก”บียอนด์”ศึกษาธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ หรือ AMC

200

มิติหุ้น – บี จิสติกส์กางแผนครึ่งปีหลัง รุกธุรกิจเต็มสูบ ดัน”ขนส่งและโลจิสติกส์-บริษัทร่วมทุน” โตยกแผง ชี้กลุ่มพลังงานทางเลือก-จำหน่ายน้ำดิบ อนาคตสดใส  ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวทุ่ม 300 ล้าน ลงทุนเพิ่มในเมกะวัตต์ ดันสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 46% พร้อมส่ง”บียอนด์” ศึกษาธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ หวังต่อยอดเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่ม B เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน 

ดร.ปัญญา  บุญญาภิวัฒน์  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ B เปิดเผยว่า  ทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม B ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ยังคงเดินหน้าขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก  และบริษัทร่วมทุน ด้านพลังงานทางเลือก  ธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบ  รวมทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล  นอกจากนี้ บริษัท บียอนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก อยู่ในระหว่างการศึกษาธุรกิจบริหารสินทรัพย์หรือ AMC

“ครึ่งปีหลังภาพรวมผลการดำเนินของกลุ่ม B ยังโตต่อเนื่อง เราใช้เงินเพิ่มทุนที่ได้จาก ผู้ถือหุ้นในการขยายธุรกิจอย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับมาสู่ผู้ถือหุ้น ตามแผนยุทธศาสตร์ที่โฟกัส 2 ธุรกิจหลักคือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Logistics และธุรกิจสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ  Green Utilities  ซึ่งเราเชื่อว่าปี 2565 ผลประกอบการทั้งปีจะมีกำไรสุทธิเกิดขึ้นต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ B มีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท ”ดร.ปัญญา กล่าว

ธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบ ดำเนินธุรกิจโดยบริษัทเทพฤทธา จำกัด อยู่ในช่วงของการ เร่งสร้างรายได้ เพิ่มยอดขาย เพื่อให้ผลประกอบการสอดคล้องกับเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดได้ตามแผนภายใน 2 ปี โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทบี จิสติกส์ฯ ได้มีมติให้เทพฤทธาลงทุนซื้อบ่อน้ำพื้นที่ 6 ไร่ 40 ตารางวา เพื่อเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 12 ล้าน ลบ.ม. รองรับความต้องการของลูกค้า  จากปัจจุบันที่ผลิตได้ประมาณ 5-8 ล้านลบ.ม.

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท บี จิสติกส์ ได้มีมติให้ให้ บริษัท บียอนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก เข้าศึกษาธุรกิจบริหารสินทรัพย์หรือ AMC เนื่องธุรกิจ AMC มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นตามภาวะหนี้สินภาคประชาชน ขณะที่ตัวเลขหนี้เสีย (NPLs) ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสลงทุนที่ดี สามารถสร้างผลกำไรต่อบริษัทเพิ่มยิ่งขึ้น

สำหรับการลงทุนด้าน Green Utilities บริษัทลงทุนผ่าน บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ประกอบธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้ใส่เงินลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็นกว่า 46%  ของทุนจดทะเบียนมติพิเศษ ซึ่งการขยายเงินลงทุนในครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตในอนาคต เนื่องจากมองว่าธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีการซื้อขายในรูปแบบของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ระยะยาวประมาณ 25-30 ปี จึงเป็นการการันตีรายได้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามในปี 2564 บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ มีกำไรสุทธิ 135 ล้านบาท และปี 2565 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนทิศทางของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มเติบโตที่ดี คาดผลประกอบการไตรมาส 2/2565 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส1/2565 ที่รายได้จากการให้บริการด้านขนส่งขยายตัวเกือบ 15%  โดยปัจจุบันบริษัทมีรถหัวลากในส่วนของซับคอนแทรค ที่เป็นพันธมิตร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าจำนวนกว่า 200 คัน และมีรถหัวลากของบริษัท 66 คัน หลังจากที่บริษัทได้มีการขยายการให้บริการไปในกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม ข้าวสาร และอาหารสัตว์ ที่มีปริมาณความต้องการใช้บริการสูงมาก  จากปี 2564 บริษัทมีรถหัวลากจากซับคอนแทรคเพียง 100 คัน และของบริษัทเอง 37 คันเท่านั้น

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp