TKC บุ๊คงบ Q2/65 คว้ากำไรเฉียด 92 ลบ. บอร์ดจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.20 บ. เดินหน้ารุกธุรกิจเมกะเทรนด์ รอลุ้นคว้างานใหม่อีก 755 ลบ.

47

มิติหุ้น  –  TKC ประกาศงบ Q2/65 บุ๊คกำไรเบ็ดเสร็จรวมราว 92 ลบ. กวาดรายได้ 612 ลบ. ล่าสุดประกาศงานใหม่ระหว่างรอเซ็นสัญญาหนุนพอร์ตโตกระโดดอีก 412 ลบ. สนับสนุน Backlog ราว 3,000 ลบ. เป็นการส่งสัญญาณรอข่าวดี พร้อมเตรียมลุ้นผลประมูลงานใหม่อีก 755 ลบ. สำหรับงานใหม่ด้านดิจิทัลเพิ่มแบ็กล็อกทั้งภาครัฐและเอกชน ด้านบอร์ดจ่ายปันผลระหว่างกาล ตอบแทนผู้ถือหุ้น 0.20 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 24 สิงหาคม ด้าน “สยาม เตียวตรานนท์” แม่ทัพใหญ่ ส่งซิกแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา หนุนเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% พร้อมชูกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่หนึ่งในธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีทีต่อยอดธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต ตั้งเป้าหมายขึ้นแท่นเป็นผู้นำในอีก 1-3 ปีข้างหน้า
                นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC กล่าวว่า ผลประกอบการบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 612 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 590 ล้านบาท โดยรายได้หลักแบ่งเป็นรายได้จากงานโครงการ 318.24 ล้านบาท รายได้จากงานบริการวิศวกรรมและบำรุงรักษา 226.44 ล้านบาท รายได้จากการขาย 67.32 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่กำไรเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดผลประกอบการไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 91.61 ล้านบาท  คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 130.59% จากไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 39.73 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ามีทิศทางการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากในครึ่งปีแรก จากงานในมือที่อยู่ในระดับสูง และการเข้าประมูลงานใหม่ ซึ่งจะสนับสนุนเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือราว 2,600 ล้านบาท ได้ตามแผนที่วางไว้
“ปัจจุบันบริษัทฯมีงานประมูลใหม่ที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา 412 ล้านบาท สนับสนุนให้มีงานคงค้างในมือ (Backlog) จำนวน 3,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรอผลประกาศได้งานเพิ่มเติมอีกราว 755 ลบ. เราเน้นโตจากศักยภาพธุรกิจเดิมที่มีความเชี่ยวชาญเกือบ 20 ปี พร้อมวางกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่หนึ่งในธุรกิจดิจิทัลโซลูชันครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีทีต่อยอดธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เช่น ระบบ Smart Solutions, Smart Logistics, Cyber Security, Cloud Solutions, Drone โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำในอีก 1-3 ปีข้างหน้า” นายสยาม กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนแรกประจำปี 2565 เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 24 สิงหาคม 2565  และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่  9 กันยายน 2565
สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2565 วางเป้าหมายต้องการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นเทรนด์ในอนาคต อย่าง “โซลูชันอัจฉริยะ” (smart solutions) โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มเข้าไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจสมาร์ทโซลูชัน ได้แก่
1. “สมาร์ทโรงพยาบาล” (smart hospital) โดยบริษัทดำเนินการให้กับโรงพยาบาลศิริราช เฟสแรก มูลค่าลงทุน 60-100 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการขยายการลงทุนต่อเนื่องในเฟส 2 หรือ 3 รวมทั้งแนวโน้มจะมีการขยายโมเดลดังกล่าวออกไปในโรงพยาบาลอื่นๆ
2. “สมาร์ทแอร์พอร์ต” (Smart Airport) บริษัทได้เข้าไปนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทกับทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ในการนำเกี่ยวกับเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เข้ามาช่วยดูความหนาแน่น ของผู้โดยสารในท่าอากาศยาน 4 แห่ง ประกอบด้วย สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินภูเก็ต มูลค่ารวม 300 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบงานทั้งหมดได้ภายในปี 2565 และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการนำเสนอโมเดลดังกล่าวในอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 (Terminal2) ของสนามบินสุวรรณภูมิ มองว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จำนวนผู้โดยสารสนามบินจะ หนาแน่น ดังนั้น หากเรานำระบบนี้มาใช้จะทำให้รู้ว่าจุดไหนที่มีจำนวน ผู้โดยสารหนาแน่นเราก็สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้ทันทีแบบเรียลไทม์
3. “สมาร์ทภาคการเกษตร” (smart farming) ในเบื้องต้นเป็นการทำ CSR ของบริษัท โดยบริษัทนำระบบเทคโนโลยีเข้าไปสอนให้เกษตรกรใช้จริง ซึ่งได้เข้าไปดำเนินให้มูลนิธิในจังหวัดลำปาง โดยการนำ เทคโนโลยีระบบ IoT อย่าง ระบบหยดน้ำ นำระบบโดรน (drone) ในการหว่านเมล็ดพืช และใช้โดรนในการดูคุณภาพของดิน
“สมาร์ทโซลูชันต่างๆ เป็นโอกาสสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ๆ ของเรา โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี IoT ร่วมกับการสร้างและออกแบบเน็ตเวิร์กและเซิร์ฟเวอร์มาเสริมสร้าง ประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และควบคุมคุณภาพในธุรกิจด้านต่างๆ” นายสยาม กล่าว

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp