เปิดอาณาจักรธุรกิจอาหารชั้นนำระดับสากล “เบทาโกร”ดาวเด่นหุ้น IPO

1385

 

 

หากจะพูดถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ รายใหญ่ในไทยหนึ่งในชื่อที่ทุกคนไว้วางใจและยอมรับเรื่องคุณภาพต้องยกให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ (BTG) ที่สร้างรายได้กว่า 8.7 หมื่นลบ. ในปี 2564 ซึ่ง “เบทาโกร” ไม่ได้มีเฉพาะธุรกิจจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่ เท่านั้น แต่ยังทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร

 

ผู้นำธุรกิจอาหารแบบครบวงจร

ธุรกิจของเบทาโกรเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ ได้แก่ ผลิตอาหารสัตว์ การเพาะเลี้ยงและจำหน่ายพันธุ์สัตว์ ต่อมาที่ธุรกิจกลางน้ำ ได้แก่ การชำแหละและแปรรูปเนื้อสัตว์ ไปจนถึงปลายน้ำ ได้แก่ การขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โครงสร้างธุรกิจแบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจเกษตร 2.กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน  3.กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และ 4.กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง

 

 

 

 

 

รายได้หลักเฉียด 70 % มาจากกลุ่มอาหารและโปรตีน

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมจากการขายสินค้าและการให้บริการ 53,284.6 ล้านบาท เติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากกลุ่มธุรกิจเกษตร 13,099.2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 24.6% ของรายได้รวมจากการขายสินค้าและการให้บริการ ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์สัตว์รวมทั้งเครื่องมือฟาร์ม

ส่วนกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ 36,448.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 68.4% เป็นรายได้ที่มีสัดส่วนที่มากที่สุด จากการทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ตลอดจนการผลิตและจำหน่ายเนื้อหมู ไก่ ไข่ไก่ ปลา ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและอาหารพร้อมรับประทาน แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านแบรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยม เช่น “S-Pure” แบรนด์พรีเมียมแบรนด์แรกที่ได้รับการรองรับจาก NSF ว่าปลอดสารปฏิชีวนะ “BETAGRO” แบรนด์คุณภาพระดับมาตรฐานที่สามารถเข้าถึงได้ “ITOHAM” แบรนด์ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกสไตล์ญี่ปุ่นเกรดพรีเมียม และ “Meatly!” แบรนด์โปรตีนทางเลือกจากพืชที่มีโอกาสเติบโตสูง

 

 

 

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ที่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ 2,770.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.2% ซึ่งได้มีการลงทุนในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา และสุดท้ายกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ 949.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.8% เป็นการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ขนมขบเคี้ยวสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง ผ่านแบรนด์คุณภาพในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ “Perfecta” “DOG n joy” และ “CAT n joy” เป็นต้น

ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำและเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่แข็งแกร่งแม้เผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด แต่ “เบทาโกร” ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยในปี 2562-2564 เบทาโกรมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 74,231.6 ล้านบาท 80,102.1 ล้านบาท และ 85,424.0  ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 7.4% รวมถึงงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้จากการขายและการให้บริการที่ 53,284.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9% จากช่วงปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,892.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233.1% จากช่วงปีก่อน

ลุยต่อยอดธุรกิจ New S-Curve

นอกจากแผนที่จะขยายกำลังการผลิตในแต่ละกลุ่มธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน มุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อรองรับการเติบโต “เบทาโกร” ยังมองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งวันนี้และอนาคต เช่น ธุรกิจโปรตีนทางเลือกจากพืช ภายใต้แบรนด์ Meatly! และ Kerry Cool เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ เป็นต้น

“เพื่อต่อยอดสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG เพื่อส่งมอบชีวิตที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าว

พร้อมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 500 ล้านหุ้น

ดังนั้น “เบทาโกร” จึงวางแผนเดินหน้าระดมทุนเพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยมีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวมไม่เกิน 500 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง IPO ซึ่งรวมถึงจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทฯ ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายทั้งหมดในครั้งนี้ (ถ้ามี) นักลงทุนพร้อมแล้วหรือยังที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กันกับ “เบทาโกร” อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp