BGC กวาดรายได้รวม 9 เดือนแรกปีนี้ 10,394 ล้านบาท เติบโต 16% แซงหน้ารายได้ก่อน COVID-19

71

มิติหุ้น  –  บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC ทำรายได้จากการขายรวม เดือนแรก 10,394 ล้านบาท เติบโต 16% สูงกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19 จากดีมานด์บรรจุภัณฑ์แก้วที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังเปิดประเทศ สถานบันเทิงกลับมาเปิดบริการตามปกติ ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น มองแนวโน้มการใช้บรรจุภัณฑ์ไตรมาสสุดท้ายฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงเฉลิมฉลอง วางกลยุทธ์มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมต้นทุน ลดการสูญเสีย ปรับสูตรการผลิตและศึกษาการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 

 

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด เดือนแรกปี 2565 (มกราคมกันยายน) สามารถทำรายได้สูงกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19 โดยมีรายได้จากการขายรวม 10,394 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 421 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่มีการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดที่คลี่คลายทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านและสังสรรค์ตามปกติ

 

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 มีรายได้จากการขายรวม 3,039 ล้านบาท เติบโต 14% และมีกำไรสุทธิ 97 ล้านบาท เนื่องจากดีมานด์บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเบียร์ โซดา น้ำและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ จากการเปิดประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการเปิดสถานบันเทิงตามปกติ โดยเฉพาะปริมาณการขายบรรจุภัณฑ์แก้วของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2562 แล้ว ประกอบกับบริษัทฯ มุ่งนำเสนอแพคเกจจิ้งเพื่อเพิ่มความหลากหลายในการนำเสนอสินค้า ช่วยหนุนยอดขายต่อรายและส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น การปรับขึ้นราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ทยอยเจรจาในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางราคาวัตถุดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากมีดีมานด์เพิ่มขึ้น ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบนำเข้า

 

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 69.44 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ ธันวาคม 2565

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์และแพคเก็จจิ้ง ในไตรมาส 4/2565 คาดว่าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากประชาชนคลายความกังกวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 โดยไตรมาสสุดท้ายถือเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงจะได้รับปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาคึกคักและการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น

 

บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ไตรมาส 4/2565 มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการสูญเสียในระหว่างการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการใช้พลังงานและวัตถุดิบ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้ภายในโรงงานเพื่อควบคุมการผลิตให้มีความเสถียรยิ่งขึ้น การปรับสูตรการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุนโดยไม่ส่งผลกับการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพสินค้า การเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมค่าใช้จ่าย รวมถึงได้มีการทยอยเจรจาและปรับขึ้นราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง และมุ่งเน้นการขายบรรจุภัณฑ์และพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้น

 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่ผันผวนจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ความต้องการใช้ในตลาดที่เพิ่มขึ้นและเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ โดยบริษัทฯ ได้ศึกษาการใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาดอื่น ๆ เพื่อทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติ

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp