มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีหลักทั้ง 3 ปรับตัวพุ่งขึ้น (ดัชนี DJIA +2.7%, S&P500 +2.5%, Nasdaq +2.7%) ขานรับคำกล่าวของหลังนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รมว. คลังสหรัฐ ที่ระบุว่าความตึงเครียดสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐจะผ่อนคลายลงในเร็วๆ นี้ แม้ว่าช่วงเวลาในการเจรจาอาจจะยืดเยื้อออกไป และการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กัน (สหรัฐเก็บภาษีจากจีน 145% และจีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บสหรัฐ 125%) จะยังคงดำเนินอยู่ก็ตาม เป็น Sentiment บวกให้หุ้น China Play อย่าง iShares China Large-Cap ETF (FXI) และ iShares MSCI China ETF (MCHI) ต่างปรับตัวขึ้นกว่า 3% ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำ -0.2%
ดัชนี DJIA ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 1,000 จุด กอปรกับการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ของสหรัฐ โดยมุ่งเน้นไปที่แหล่งรายได้หลักโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธ อย่างบริษัทขนส่งก๊าซ LPG และ น้ำมันดิบ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI +2% จากนี้ ติดตามการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์สหรัฐ-อิหร่านรอบที่ 3 ซึ่งจะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก ในวันที่ 26 เม.ย. รวมถึงติดตามรายงานสต็อกน้ำมันดิบจาก EIA วันนี้
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะปรับตัวขึ้นต่อ และ มองกรอบ 1,135-1,165 จุด รับ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐ ขานรับความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ-จีนมีแนวโน้มผ่อนคลายลง แม้ล่าสุดปธน. ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีโซลาร์เซลล์จากโรงงานจีนใน 4 ประเทศอาเซียน 3,521% (Trina Solar ในไทยโดนเรียกเก็บ 375%) ส่งผลให้ซัพพลายเชนพลังงานอาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เรามองว่า Downside ต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจำกัด เนื่องจากตลาดรอติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐที่แม้ว่าจะถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่เรามองว่าตลาดค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกตามแนวโน้มการเจรจาสหรัฐ-ญี่ปุ่นที่กำลังจะมีขึ้นใหม่ปลายเดือนนี้ พรุ่งนี้ (24 เม.ย.) ติดตามการเจรจาระหว่างสหรัฐ-เกาหลีใต้ว่าจะไปในทิศทางใด
การรับมือนโยบายการค้าของรัฐบาลไทยที่ยัง Overhang กอปรกับความขัดแย้งพรรคเพื่อไทย-ภูมิใจไทยที่อาจกระทบโครงการรัฐ ส่งผลให้เรามองว่า SET ไม่ perform แม้ลดลง YTD และในระยะสั้น ตลาดจะให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการบจ. ไทยช่วงนี้มากกว่า โดยสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีการรายงานงบ 1Q25 PTTEP (23 เม.ย.), BH (24 เม.ย.) และ DELTA (25 เม.ย.)
เราจึงคงคำแนะนำ Selective Buy หุ้น Domestic Play เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนสงครามการค้า 1) กลุ่ม Defensive (BDMS, PR9) และ High yield 2) เก็งกำไรผลประกอบการ 1Q25 และ Outlook สดใส (MINT, BJC) 3) พื้นฐานแข็งแกร่ง (CPALL, GULF) 4) กลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง (MTC) เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ จากความเสียหายเหตุการณ์แผ่นดินไหวและมาตรการเรียกเก็บภาษีสหรัฐที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ปัจจัยกดดันดังกล่าวทำให้เราปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 2025 เหลือ 1.8% yoy (vs. จากเดิม 2.3%) สอดคล้องกับ IMF ที่ปรับคาดการณ์ GDP โลกปี 2025 ลงเหลือ 1.8% โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตต่ำสุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่เอเชีย
ประเด็นสำคัญเมื่อวานนี้ ครม. เห็นชอบแต่งตั้งนายสมชาย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดธปท. คนใหม่ ซึ่งเคยแสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการทำงานเศรษฐกิจเชิงรุก ไม่ยึดติดกับวงจรเศรษฐกิจที่ไม่ดีหรือปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น
• หุ้นแนะนำ
MOSHI :
เราคาดว่า MOSHI จะรายงานกำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 150 ล้านบาทใน 1Q25F (+20% yoy) จาก SSSG ที่สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้ง แนวโน้มกำไรสุทธิใน 2Q25F ยังคงแข็งแกร่งจาก SSSG ที่สูงขึ้นระดับกลางในช่วงต้นเดือนเม.ย. เงื่อนไขซัพพลายเออร์ที่ดีขึ้น และการขยายร้านค้าอย่างต่อเนื่อง
(Take profit : 43.25 / Stop loss : 41.75)
GULF :
ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายธุรกิจ มีกำลังการผลิตที่มั่นคง โดย 74% มาจากโรงไฟฟ้า IPP ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายค่าไฟน้อยกว่า โดยประมาณการกำไรสุทธิจะเติบโตด้วยเลขสองหลัก สำหรับ FY25-27F
(Take profit : 47.25 / Stop loss : 44.75)
#Macro&WealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon