เอสซีจี จัดทัพ 4 กลยุทธ์ เตรียมสรรพกำลัง สู้ศึกสงครามการค้า ลดต้นทุนสินค้าทุกมุมรับมือสินค้าทุ่มตลาดมาแข่ง ขยายสินค้าคุณภาพสูง กรีนราคาจับต้องได้ทั้ง บุกตลาดใหม่ที่โอกาสเปิด พร้อมโยกฐานผลิตชิงความได้เปรียบหลังทรัมป์ประกาศภาษี
“ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า แผนการรับมือเพื่อรักษาระดับการเติบโตให้ยั่งยืนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ไปพร้อมกันกับการรับมือความผันผวนจากผลกระทบสงครามการค้า เพราะแม้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรง เพราะตลาดสหรัฐฯ มีการส่งออกไปเพียง 1% จากยอดขายรวม แต่มีการส่งผลกระทบทางอ้อมมาสู่ประเทศอาเซียน ที่มีสัดส่วนรายได้ 80% ของเอสซีจี เมื่อมีการประกาศจัดภาษีภายหลัง 90 วัน อาจจะมีสินค้าทะลักเข้ามาสู่ไทย และกลุ่มอาเซียน
เอสซีจี จึงต้องเตรียมแผนรับมือปรับตัวอย่างเข้มข้น 4 ด้าน คือ 1.ลดต้นทุนแข่งขันกับผู้ผลิตสินค้าระดับโลก เช่น จีน โดยนำหุ่นยนต์ (Robotic Automation) , เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และเพิ่มการใข้พลังงานสะอาด ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) พลังงานชีวมวล (Biomass) และพลังงานทางเลือก (Alternative Fuel) สัดส่วน 44% ในการผลิตปูนซีเมนต์ รวมถึงการปรับลดเงินทุนหมุนเวียน(Working Captial) ลดหนี้สุทธิลงเหลือ 290,504 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2568 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ
“อนาคตไม่รู็จะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็เตรียมพร้อมทางการเงินยืนหยัดให้ได้ทุกสถานการณ์ สงครามที่หนักจะต้องปรับกำลังการผลิตทุกด้าน ในต้นทุนแข่งขันราคาได้ในระดับโลก หากจีนสินค้ามาไทย เราพร้อมแข่งขันยืนอยู่ได้ เมื่อพายุหมุน”
เพิ่มกรีนราคาแข่งได้ บุกตลาดใหม่
2.ขยายพอ์ตสินค้าให้รองรับความต้องการตลาด โดยเฉพาะสินค้ามูลค่าสูงและสินค้ากรีน (HVA & Green Products) ตอบโจทย์ตลาด เช่น กระเบื้องเกรซพอร์ซเลน , ปูนคาร์บอนต่ำ, หลังคา ผนังและพื้นตกแต่ง Digital Printing เน้นสินค้าคุณภาพ ในราคาจับต้องได้ Quality Affordable Products) ที่มีความต้องการสูง ทำกำไรทันที เช่น เอสซีจี โซลาร์รูฟ, หลังคาเซรามิก, ท่อPVC เกษตร
3.บุกตลาดใหม่ ที่มีศักยภาพ ขยายตลาดเพิ่มเติมในสินค้าที่มีโอกาส เช่น ส่งปูนคาร์บอนต่ำไปยังสหรัฐ กระเบื้องคอนกรีต สมาร์ทบอร์ด โดยผ่านเครือข่ายธุรกิจของเอสซีจีทั่วโลก
สลับโอนฐานผลิตหาจุดได้เปรียบภาษี
4.สร้างความได้เปรียบส่งออกจากฐานการผลิตที่หลากหลายในอาเซียน เตรียมสลับฐานการผลิตส่งออกในประเทศที่ได้เปรียบภาษีต่ำกว่าไทย หลังประกาศอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐ โดยใช้ฐานกาผลิตที่กระจายในอาเซียน ทั้ง ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และอินโดนีเซีย
“สงครามครั้งนี้มีทั้งคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ บางสินค้าที่สหรัฐซื้อจากจีนไม่ได้เช่นสินแร่ ก็ไปหาออสเตรเลีย ดังนั้น เป็นโอกาสในการหาทั้งแหล่งวัตถุดิบใหม่ และหาตลาดใหม่ และขยับหาศูนย์กลางการผลิตใหม่ เช่น สินค้าบางตัวฟิลิปินส์เป็นฐานการผลิตส่งไปสหรัฐได้ จึงต้องสร้างความได้เปรียบจากการมีฐานการผลิตในอาเซียน”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon