ซีอีโอSCC แนะรัฐ วางหมาก ตั้งวอร์รูม”ตัวขุน”เจรจาแลก เกมต่อรองลดการ์ดภาษีทรัมป์ 

129

 

มิติหุ้น-SCC แนะตั้งวอร์รูม รัฐเอกชน-ระดมสมอง เจรจาทางแก้เกมวางหมากขุน ตัวรุกทีเด็ดต่อรองทรัมป์ ลดกำแพงภาษี อาทิ ก๊าซธรรมชาติ อีเทน หวังลดข้อเสียเปรียบเพื่อนบ้านหลัง 90 วัน ปลดล็อกเศรษฐกิจไทยสู่ช่วงอ่อนแอ 

 

“ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC  ให้ความเห็นถึงแนวทางการเจรจาเพื่อลดแรงกดดันทางอัตราภาษีนำเข้าแบบตอบโต้สหรัฐ(Reciprocal Tariff)  ตามนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์  ที่ต้องการลดการขาดดุลทางการค้า ในช่วง 90 วันที่เปิดให้ประเทศเป้าหมายขึ้นภาษีเข้าสู่การเจรจา จะต้องใช้โอกาสในการวางกลยุทธ์การเจรจาให้เกิดประโยชน์กับไทยมากที่สุด เพื่อไม่ให้อัตราภาษีของไทยต่ำกว่าในกลุ่มประเทศอาเซียน ดังนั้นจึงต้องมีการตั้งศูนย์บัญชาการ (War Room) เจรจา วางแผนกลยุทธ์การเลือกแลกเปลี่ยนสินค้าที่จะนำไปเจรจา โดยมีการระดมสมอง รับฟังข้อมูลจากทุกภาคส่วน ทุกอุตสาหกรรม ทั้งนำเข้าและส่งออก เพื่อให้เห็นภาพของการวางหมากชัดเจน จะเลือกนำเข้าสินค้าอะไรที่เกิดประโยชน์กับประเทศ คัดเลือกอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่สร้างมูลค่าจากกาาเจรจาจัดหาวัตถุดิบได้ 

“ภาครัฐ เอกชน จะต้องมีการะดมสมองร่วมกันตัดสินใจ สกัดเป็นแผนการทำงาน เพื่อนำข้อมูลที่ชัดเจนไปเจรจาได้ตรงจุด เพื่อที่จะเห็นภาพชัดเจน หากเลือกนำเข้าสินค้าจากกระทบกับอุตสาหกรรมใดจะต้องปรับตัวอย่างไร   และยกระดับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรม”

 

หาหมัดน็อกนำเข้าพลังงาน

 

สินค้ากลุ่มเป้าหมายที่ไทยจะนำเข้าจากสหรัฐได้ อาทิ กลุ่มปิโตรเคมี ที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ อาทิ การนำเข้า อีเทน ทดแทน แนฟทา เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าให้กับปิโตรเคมี ตามที่โรงงาน LSP (ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ ของเอสซีจี เคมิคอลลส์ (SCGC) ในเวียดนาม ซึ่งมีแนวโน้มที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีของพีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC ) ได้มีแผนนำเข้าอีเทนจากสหรัฐ ประมาณ 4 แสนตันต่อปี ก็ถือว่าเกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยในด้านการเจรจาต่อรอง ลดกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าไทยไปยังสหรัฐ รวมถึงสินค้าอื่นๆ อาทิ อาวุธ และก๊าซธรรมชาติต่างๆ 

กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวต่อว่าในช่วง 90 วันจะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม ใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์เพื่อหลังเจรจาอัตราภาษีของไทย ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จากก่อนเจรจาไทย 36 % ขณะที่ ประเทศเวียดนาม อัตราภาษี 46% อินโดนีเซีย 32% เพื่อลดการเสียเปรียบขีดการแข่งขัน 

“ก่อนเจรจาไทยมีอัตราภาษี 36 % ขณะที่ประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม อัตราภาษี 42%  อินโดนีเซีย 32% “

 

นับถอยหลัง 90 วัน เศรษฐกิจไทยอ่อนแอ 

 

โดยคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงหลัง 90 วัน ข้างหน้า หลังเจรจาภาษี ยังไม่ดีนัก เศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง และมีทิศทางอ่อนแอ ทำให้เวิลด์แบงก์ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงหวังว่า ทิศทางการเจรจาจะไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบไปกว่านี้ และทำให้ไทยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศ 

การแข่งขันทางการค้าโลกหลังจากนี้จะสู้กันด้วยเรื่องของราคาเป็นหลัก การปรับตัวจึงต้องมีการยกระดับพัฒนาสินค้ามีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้  รวมถึงเอสซีจีมีแผนสำรอง ในการวางแผนปรับตัวหาศูนย์กลางการผลิตใหม่ ในประเทศที่มีฐานการผลิตทดแทนไทยเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐ 

“หลังจาก 90 วัน อัตราภาษีของแต่ละประเทศอาจจะไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างยกตัวอย่าง ใครเจรจาที่ดี สมมติเวียดนามเจรจาที่ดี อาจจะเหลือ 20% เหลือ 10% หากไทยต่อคิวคิวเจรจาไม่ทัน โดนภาษี36% ไปเสร็จเลย คราวนี้เรื่องใหญ่เลย หรือว่าอินโดนีเซีย หรือว่ากัมพูชา หรือว่าลาว ได้อัตราภาษีที่ดีกว่าไทย เราจึงต้องขยับหาศูนย์กลางในการผลิต ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อส่งออกไปยังอเมริกา “ 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/

Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon

Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770

Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon