มิติหุ้น- บล.กรุงไทยชี้ Thai ESGX เปิดตัวถูกที่ถูกเวลาลดแรงเทขาย หาจุดขายใหม่ แก้เพนพอยท์ยุคนักลงทุนหมดศรัทยาธรรมาภิบาลตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา การันตียกระดับบจ.ไทยไร้ความเสี่ยงพร่องธรรมาภิบาล สอดคล้องกลยุทธ์เทรนด์โลกเติบโตยั่งยืน เฟ้นหาธุรกิจใหม่สร้างผลกระทบทำให้โลกดีขึ้น
“ชัชพล สีวลีพันธ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับการนำกองทุน Thai ESGX มาเปิด การเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อระดมทุนจากนักลงทุน (IPO)ว่า ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับเพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทย หลังจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับการขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลังจากมีข่าวส่งผลกระทบต่อการบกพร่องด้านธรรมาภิบาลในตลาดหุ้นไทย จนเกิดปัญหาขาดปัญหาความเชื่อมั่นในบริษัทจดทะเบียน อาทิ ผู้บริหารมีการใช้ข้อมูลภายในเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนัก และนักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสของตลาด จนเกิดแรงเทขายจากนักลงทุนสถาบัน กองทุนไทยและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อย ตลอดจนการเกิดการปั่นหุ้นการฉ้อโกง ที่จะหมดข้อสงสัย เพราะหลักเกณฑ์ ESG จะช่วยทำให้ยอมรับและหุ้นไทยมีความน่าสนใจ เพราะมีวิธีการตรวจสอบการบริหารจัดการการบริหารธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล
ทั้งนี้ จะช่วยทำให้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์เร่งปรับตัวเองให้ยกระดับความเป็นESG มากขึ้น เพื่อสร้างความไว้วางใจที่จะมีการวางกลยุทธ์รองรับความเสี่ยงเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ทั้งในธุรกิจที่มีประเด็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับการบริหาร อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทเร่งปรับตัวในการเปลี่ยนการผ่านธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สร้างผลกระทบที่ดีให้โลกดีขึ้น อาทิ พลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก ตลอดจน ทำให้หลายธุรกิจต้องการเข้าไปอยู่ในการประเมินของESG Rating เพิ่มขึ้น เพราะเข้าใจแล้วว่าจะช่วยได้รับการยอมรับและทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุน หากปฏฺิบัติตามหลักเณฑ์ ESG
“เป็นเวลาที่เหมาะสมที่กองทุน Thai ESGX เข้ามาช่วยสร้างความคึกคัก ดึงความสนใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ รายย่อย และสถาบัน หลังจากที่หุ้นไทยมีแรงเทขายไปก่อนหน้านี้ และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องธรรมาภิบาล กับบจ.หลายราย Thai ESGX จึงเป็นเกณฑ์ช่วยคัดกรองการลงทุนหุ้นของไทย ในยุคที่ราคาต่ำ แต่ผลตอบแทนยังดี”
ESG บริบทไทย ต้องใช้เวลาปิดช่องว่างระหว่างเทรนด์โลก
อย่างไรก็ตาม การยกระดับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ กับทั้งระบบนิเวศ ตั้งแต่ นักลงทุน สถาบัน และบจ. เพราะผลตอบแทนและผลการดำเนินงาน (Performance) ยังไม่เติบโตอย่างชัดเจนในระยะสั้น แต่มีทิศทางที่ดี และช่วยลดความเสี่ยงในยุคที่ทั่วโลกเผชิญกับความผันผวน ดังนั้น จึงต้องสร้างความเข้าใจวิธีการลงทุน ESG คือ การเดินทางเป็นขั้นตอน (Step by Step) ในช่วงแรก หน่วยงานกำกับดูแล และภาครัฐ จึงต้องเป็นผู้ริเริ่มกำหนด หลักเกณฑ์ส่งเสริมจาการลดหย่อนภาษี และในลำดับต่อไปจึงมีแนวทางการกำกับดูแล และมีบทลงโทษตามกฎหมาย (Compliance) ดังเช่น ในสหภาพยุโรป ที่ปัจจุบันมีการระดมทุนเติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นจากการมาตรการจูงใจการลงทุนด้วยการลดหย่อนภาษี จึงทำให้นักลงทุนสนใจไปลงทุนในธุรกิจด้านESG ซึ่งในบางช่วงก็ต้องยอมรับว่ามีบางสถาบันที่ต้องลดเงื่อนไชการลงทุนดัานESG เพราะหลักเกณฑ์การประเมินด้านการลงทุนESG ค่อนข้างมีความเข้มข้น จึงต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสมให้สอดคล้องกันกับบริบทการลงทุน ของแต่ละประเทศ
“ESG เป็นเทรนด์โลกที่จะต้องมุ่งไปตอบโจทย์การพัฒนาที่ยัง่ยืน ทั้งภาคธุรกิจ สอดคล้องกับภาครัฐ ยกระดับความเป็นอยู่ชีวิตของคนให้ดีขึ้น ธุรกิจจึงเติบโตได้อย่างยั่งยืน แต่ในความเป็นจริง ยังมีช่องว่างระหว่างเทรนด์โลก กับแนวทางปฏิบัติ โดยเฉฑาะตลาดทุนไทยที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว จึงต้องสร้างความเข้าใจว่าการลงทุน ESG ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นการรับรองจะไม่มีประเด็นความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาล จนส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการจนทำให้ราคาหุ้นตกลงมาในอนาคต จากนั้นจะเริ่มเห็นธุรกิจบจ.เข้าสู่หลักเกณฑ์ และมีทางเลือกการพัฒนาธุรกิจใหม่ ที่สร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้โลกน่าอยู่ชึ้น”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon