วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรัชญาลงทุนก่อนลาCEO คุณค่าลึกกว่าคะแนนESG

168

ถอดบทเรียน 60 ปี “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ซีอีโอ “เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์” มูลค่าสินทรัพย์มากที่สุดในโลก ที่เลือกลงทุนหุ้น ESG โดยธรรมชาติ ปรัชญาที่มองลึกลงกว่าคะแนน แต่เน้นเป็นคุณค่าในการทำกำไรยั่งยืนระยะยาว

หลังจากวอร์เรน บัฟเฟตต์  (Warren Buffett) นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ประกาศอำลาตำแหน่งCEO ของ เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway)  ในวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา จะส่งมอบตำแหน่งเป็นทางการสิ้นปี ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นคุณค่าที่แท้จริง (Value Investing) และการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ได้สร้าง เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ปี 2025 ราว  334,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าหุ้นที่ถือและเงินสด เช่น Apple, Coca-Cola และ American Express ส่วนมูลค่าทรัพย์สินของวอร์เรน บัฟเฟตต์อยู่ที่  169,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แบล็คร็อก แย้งปิดบังข้อมูลESG

แนวคิดปรัชญาการลงทุนของปู่ บัฟเฟตต์ เน้นไปที่การซื้อหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งและมีการเติบโตระยะยาว เน้นความมั่นคงมากกว่าการลงทุนตามกระแส ซึ่งสอดคล้องกับหลัก ESG (สิ่งแวดด้อม (Environment  – สังคม (Social)  – ธรรมาภิบาล (Governance) )  แต่เขากลับถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปิดบังข้อมูลด้าน ESG ทำให้ แบล็คร็อค (BlackRock) บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเน้นลงทุน ESG  ลงคะแนนไม่เห็นด้วยกับการบริหารของ Berkshire Hathaway เพราะขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับรายงานด้านสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางองค์กร สะท้อนได้ว่า บัฟเฟตต์ มุ่งเน้นประสิทธิภาพทางการเงินตัวชี้วัดมากกว่าการวัดผลด้าน  ESG อย่างเป็นทางการ

ผลงานที่โดดเด่น อาทิ การเข้าลงทุนใน  โคคา -โคล่า (Coca-Cola) ตั้งแต่ปี 1988 เริ่มต้นที่1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 33,200 บาท) ในตอนนั้น เพิ่มมูลค่ามาอยู่ที่ 36,487 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ( 1,211,368 บาท) เท่ากับว่า ผลตอบแทนสูงถึง 3,534.2%

4 ปรัชญา หุ้นคุณค่าในใจ บัฟเฟตต์

กรณีศึกษาเส้นทางการลงทุนเน้นคุณค่า กับการลงทุนระยะยาวและเลือกหุ้นคุณภาพ มีวินัย สร้างผลตอบแทนมั่นคงในระยะยาวแม้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจผันผวน โดยสรุปหลักคิดการลงทุนเน้นคุณค่าของวอร์เรน ดังนี้

  1. การลงทุนคุณค่าที่แท้จริง ต้องบนพื้นฐานของบริษัทสามารถสร้างรายได้ในระยะยาว โดยมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของบริษัท มากกว่าการเลือกลงทุนตามกระแส ไม่เน้นลงทุนในหุ้น ESG เพียงเพราะคะแนนสูง แต่มองลึกไปถึงโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น Apple หุ้นที่ใหญ่ที่สุดของ Berkshire Hathaway มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่แข็งแกร่ง

2. เน้นปัจจัยพื้นฐานของบริษัท การวิเคราะห์พื้นฐานถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเลือกหุ้น ศักยภาพในการสร้างกำไรระยะยาว มีทีมบริหารที่มีความสามารถสูง มองความเสี่ยงด้าน ESG เน้นธรรมาภิบาล (Governance) ต้องบริหารจัดการ มีประสิทธิภาพ จะมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

3. การลงทุนระยะยาวและ ESG บัฟเฟตต์ฺเป็นที่รู้จักในเรื่องการลงทุนระยะยาว เมื่่อเลือก “ซื้อหุ้นแล้วถือเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ” เพื่ออนาคตที่มั่นคงและเติบโตได้ต่อเนื่อง แนวคิด ESG เน้นธุรกิจที่รักษาความยั่งยืนในอนาคตได้ ตามแนวทาง ESG   เช่น พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า

4. การมองข้ามกระแส ESG แบบฉับพลัน ในยุคที่หลายบริษัทจะผลักดัน ESG ให้กลายเป็นตัวชี้วัดตามกระแส แต่บัฟเฟตต์ไม่สนใจคะแนน ESG โดยตรง แต่เน้นผลตอบแทนแท้จริง จึงไม่ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเท่าที่นักลงทุน ESG คาดหวังทำให้คะแนน ESG ต่ำ แต่ในเชิงปฏิบัติ Berkshire Hathaway Energy กลับเป็นผู้ผลิตพลังงานลมรายใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับ ESG แม้ว่าจะไม่ได้มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ได้มอง ESG เป็นเกณฑ์หลักต่อการเลือกลงทุน แต่มองคุณภาพการบริหารและความมั่นคงของธุรกิจ เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งหลายกรณีก็สัมพันธ์กับ ESG โดยธรรมชาติ

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon