สงครามการค้าเริ่มเห็นแสงสว่างปลายทางอุโมงค์หลัง “อังกฤษ” นำร่อง บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับ “สหรัฐฯ” สำเร็จเป็นดีลแรก ลดแรงกดดันทั่วโลก และ “ทรัมป์” ประกาศ พร้อมจะบรรลุดีลกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ตลาดหุ้นไทยกลับไม่ได้ตอบรับผลดีเท่าที่ควร เพราะการเมืองไทยเริ่มออกอาการไม่ค่อยดี มีข่าวลือมากมายและในหลายข่าวลือเริ่มส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ปัจจัยการเมืองกลับมากดดันตลาดหุ้นอีกครั้ง ลุ้นเกิด OVERHANG จนกว่าจะชัดเจน หลังแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน หลังให้ข้อมูลรักษา “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ตรงกับความจริง ไม่พบภาวะวิกฤตจริง โดย เป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ท่าน
กระบวนการถัดไป ทาง แพทยสภาจะส่งมติไปยังสภานายกพิเศษ ซึ่งคือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตาม พรบ.วิชาชีพ 2525 มาตรา 25 สามารถวีโต้ยับยั้งได้ภายใน 15 วัน หากรัฐมนตรีใช้สิทธิวีโต้ แพทยสภาจะต้องกลับมา ลงมติใหม่และถือเอาเสียง 2 ใน 3 อีกรอบ
นอกจากนี้ ศาลอาญา ไม่อนุญาตให้ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางไปประเทศกาตาร์ ตามคำเชิญเจ้าผู้ครอง นคร ชี้เป็นนัดหมายส่วนตัวและไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่าหากประธานาธิบดี TRUMP จะมาร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว อีกทั้งช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีม.112 ที่ศาลฎีกาซึ่งคดีนี้ อาจกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลได้
ทั้ง 2 ประเด็นของ “ทักษิณ” บวกกับความไม่แน่นอนของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ทำให้การเมืองไทยในปัจจุบัน ยังต้องติดตามว่าจะดำเนินไปในทิศทางไหน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยที่แท้จริง ซึ่งในช่วงเวลาก่อนรู้ผล น่าจะกดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในระยะนี้
ประเด็นการเมืองไม่นิ่ง กลับมาเขย่า SET INDEX ให้ผันผวน และ FUND FLOW ที่ไหลเข้าตลาดการเงินไทยสะดุด โดย วานนี้ต่างชาติสลับมาขายสุทธิทุกตลาด ขายสุทธิตราสารหนี้ 8.4 พันล้านบาท ขายสุทธิหุ้น 3 พันล้านบาท และ ขายสุทธิ SET50FUTURES 14,733 สัญญา
อย่างไรก็ตามยังมีเม็ดเงินจากสถาบันฯ เริ่มเข้ามาในเดือน พ.ค. นี้แล้วกว่า 5.1 พันล้านบาท (MTD) เด่นกว่าเดือน อื่นๆ รวมถึงสัปดาห์หน้าเริ่มมีเม็ดเงิน THAI ESGX ทยอยเข้ามาหนุนเพิ่มเติม ช่วยพยุง SET INDEX
กลยุทธ์แนะนำหุ้นที่มี ESG RATING อย่าง หุ้นอิงราคาน้ำมัน PTTEP, BCP, TOP หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน SCC, SCGP, PTTGC, หุ้นอิงเทคฯ DELTA KCE GULF
CGSI หวั่นใจความขัดแย้งระหว่าง “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย”
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุว่า ไม่ได้คาดหวังกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเดือนพ.ค.68 นี้ เพราะทั้งสองฝ่ายยังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่มากนัก อย่างไรก็ตามหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนหากสองฝ่ายเริ่มมีท่าทีประนีประนอม ขณะที่เชื่อว่าไทยและสหรัฐน่าจะยังไม่ทำข้อตกลงทางการค้าเช่นกัน
นอกจากนี้ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ฯไม่คาดหวังว่าตลาดหุ้นไทยจะทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคในช่วงเดือนพ.ค.นี้ อีกทั้งรัฐบาลน่าจะยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในเร็วๆนี้ เพราะต้องรอเจรจาการค้ากับสหรัฐ จึงคาดว่าหุ้นไทยอาจค่อนข้างเงียบในเดือนพ.ค.
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเตรียมเปิดตัวกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษหรือ TESGX ซึ่งสามารถรับโอนเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มี AUM รวม 1.53 แสนล้านบาท ณ วันที่ 28 เม.ย.68 โดยผู้ถือหน่วยลงทุนที่ต้องการย้ายการลงทุนใน LTF มาอยู่ใน TESGX จะต้องโอนหน่วยลงทุนภายในเดือนพ.ค.-มิ.ย.68 เพื่อให้ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯประมาณการว่า จะมีเงินลงทุนในกองทุน LTF ครึ่งหนึ่งย้ายเข้ามาลงทุนใน TESGX และถูกล็อคไปอีกห้าปี ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนอีกครึ่งหนึ่ง อาจรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อขายคืนหน่วยลงทุน ทั้งนี้ ข้อมูลในวันที่ 28 เม.ย.68 แสดงให้เห็นว่ามีการขายคืน LTF แล้วรวม 3.8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้คาดว่าอาจมีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่กองทุน TESGX อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยลดผลกระทบต่อ SET ช่วงสองสามเดือนข้างหน้า
แม้ว่าเงินทุนที่ไหลเข้า TESGX จะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นไทย แต่มองว่า ดัชนี SET อาจปรับขึ้นไม่มากนัก จากความไม่แน่นอนการเมืองและมาตรการภาษีของสหรัฐ ดังนั้นจึงคงเป้าดัชนี SET สิ้นปีนี้ที่ 1,200 จุด ( P/E 13.4 เท่าในปี 69, -1SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี) โดยมองว่าหุ้น Domestic defensive และ High yield play เป็นตัวเลือกที่ดี ขณะที่ SET อาจมี downside risk หากมาตรการภาษีสหรัฐส่งผลกระทบต่อไทยมากกว่าคาด รวมถึงความไม่แน่นอนการเมือง ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาจช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon