มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 269 จุด (-0.6%) ถูกกดดันจากการปรับลงของหุ้น United Health หลังจากบริษัทระงับการเปิดเผยคาดการณ์ตัวเลขผลประกอบการในปี 25 ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.57% ได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐฯและจีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯประกาศเงินเฟ้อ (CPI) ขยายตัวเพียง 2.3%YoY ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหมายที่ 2.4%YoY แรงกดดันหลักๆยังมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง (พลังงาน -3.7%YoY น้ำมันเบนซิน -11.8%YoY และเครื่องแต่งกายลดลง -0.7%YoY) แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นมิได้ให้น้ำหนักมากเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกำลังให้ความสำคัญกับเจรจาการค้าสหรัฐฯและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ภาพรวมทำให้ US Bond Yield ดีดขึ้นเล็กน้อยและค่าเงิน Dollar Index กลับมาอ่อนค่าแรงหลังก่อนหน้าแข็งค่าแรง ด้านปัจจัยในประเทศเมื่อวานที่ผ่านมากองเศรษฐกิจและกีฬาได้รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในช่วง 1 ม.ค. – 11 พ.ค. สะสมที่ 12.94 ล้านคน (-1%YoY) นับเป็นครั้งแรกของปี 25 ที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติติดลบเมื่อเทียบกับปีก่อน และหากเทียบเป็นสัปดาห์จะพบว่านักท่องเที่ยวจีน (41.7%WOW) รัสเซีย (-21%WoW) ซึ่งก็อาจเกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพในไทยที่สูง ค่าที่พักราคาสูง ความปลอดภัยในประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวมิเชื่อมั่น ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย
โดยเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไปไม่ถึงเป้าหมายที่หลายๆสำนักคาดการณ์กันที่ 38 – 39 ล้านคน ในขณะเดียวกันเม็ดเงินจาก Thai ESGX ค่อนข้างต่ำ ข้อมูลจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนรายงานว่าช่วง IPO สำหรับกรุงไทยมีเม็ดเงินเข้ามาไม่ถึง 100 ล้านบาท แม้จะมีการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนแต่เรายังคงมุมมองว่าจะหนุนตลาดหุ้นไทยเพียงระยะสั้น (วานนี้บวกเพียง 0.28% และลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1.65%) ส่วนผลประกอบการ 1Q25 ของ SET100ข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg พบว่ารวบรวมข้อมูลมาแล้ว 59 บริษัทคิดเป็น 66% ของ Market Capitalization ของ SET) มีกำไรสุทธิรวมกันที่ 1.57 แสนล้านบาท (+2%YoY +56%QoQ) แต่หากไปดูรายละเอียดภายในจะพบว่าหุ้นที่กำไรขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนได้แก่ ADVANC BBL COM7 CPALL DELTA MTC OR SCB WHA TRUE กำไรค่อนข้างแย่เมื่อเทียบกับปีก่อนได้แก่ KCE KKP PTT QH SAPPE SCC SCGP SPALI ส่วนหุ้นที่กำไรดีกว่าคาดการณ์ล่าสุดและมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวได้แก่ CPALL (ประกาศซื้อหุ้นคืน) คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตามแนะรอดูผลประกอบการ 1Q25 ที่จะทยอยรายงานออกมา วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหว ในกรอบ 1200 – 1220 เชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะทยอยลดพอร์ตการลงทุนเช่นเดิม ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอและยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดการเจรจาเมื่อใดกับสหรัฐฯทำให้ไทยยังอยู่ในจุดเสียเปรียบเชิงเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะ อาทิ CPALL TACC WHA
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 7.6 พันล้านบาท (+20%YoY, +6%QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด กำไรที่เติบโตแข็งแกร่งหนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 3% YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.05% และ Lotus’s +0.5%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q25 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขาย Ready-to-eat และ Ready-to-drinks และ Synergy benefits ของ CPAXT
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
มองว่าใน 2Q25 MINT มีโอกาสเติบโต YoY หนุนจาก 1) แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ด้วยยอดการจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในโซนยุโรปที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หนุน RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 2) โรงแรมในประเทศไทยได้รับอานิสงค์จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ทั้งอัตราการเข้าพัก (Occupancy) และ รายได้ต่อห้องพัก (RevPar) อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และ 3) คาดรายได้ธุรกิจร้านอาหารจะฟื้นกลับมาทรงตัว YoY ด้วยยอดขายไอศกรีมมะม่วง เมนูฤดูกาลยอดนิยมที่เลื่อนเปิดการขายจาก 1Q25 มาใน 2Q25 เนื่องจากสภาพอากาศต้นปีที่หนาวยาวนานกว่าปีก่อน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon