TTA รายงานกำไรสุทธิจำนวน 852.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2568 โดยมีรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจการลงทุนอื่น

16

มิติหุ้น – กรุงเทพฯ 14 พฤษภาคม 2568 – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA มีรายได้ จำนวน 7,295.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งและธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร และผลกำไรสุทธิ จำนวน 852.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2568 ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 23 ร้อยละ 54 ร้อยละ 13 ร้อยละ 7 และร้อยละ 3 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ

ฐานะการเงินของ TTA ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยเงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 7.6 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.36 เท่า นอกจากนี้ TTA ยังมีกระแสเงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงานจำนวน 1.174.7 ล้านบาท

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/2568 สะท้อนการเติบโตในด้านรายได้และ EBITDA ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการดำเนินธุรกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพ และรายได้จากกลุ่มการลงทุนอื่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ TTA ยังคงรักษาระดับเงินสดภายใต้การบริหารและโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตลอดจนมีการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับสถาบันการเงิน เพื่อรักษาสภาพคล่องและเงินทุนให้เพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจและการลงทุนในอนาคต รวมถึงการชำระหนี้ต่าง ๆ

เนื่องจากความต้องการขนส่งสินค้าแห้งเทกองอ่อนตัวลงท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ 1/2568 ดัชนีซุปราแมกซ์ (BSI) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 819 จุด ลดลงจากค่าเฉลี่ย 1.178 จุดในไตรมาสที่ 1/2567 อย่างไรก็ตาม ดัชนีซุปราแมกซ์เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และทำสถิติสูงสุดที่ 10,801 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในช่วงปลายเดือนมีนาคม และมีอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์เฉลี่ยอยู่ที่ 8,321 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในไตรมาสที่ 1/2568 สำหรับภาพรวมปี 2568 นี้ ตามรายงานของ Clarksons Research ได้ประมาณการเติบโตของการค้าสินค้าแห้งเทกองลดลงไปอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ในหน่วยตัน เนื่องจากความต้องการถ่านหิน ธัญพืช และแร่เหล็กที่ลดลง การค้าเมล็ดธัญพืชคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 2.2 สาเหตุหลักมาจากการนำเข้าของจีนที่ลดลง หลังระดับสินค้าคงคลังที่สูงและการผลิตภายในประเทศที่แข็งแกร่งในปี 2567 การค้าแร่เหล็กมีแนวโน้มที่จะลดลงร้อยละ 1.3 สะท้อนถึงการผลิตเหล็กที่อ่อนตัวและความต้องการของประเทศจีนที่ลดลง ในทางกลับกัน การค้าสินค้าเทกองย่อย (Minor Bulk) ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขนส่งของเรือซุปราแมกซ์คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยร้อยละ 0.4 ถึงแม้ว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าหลักอาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในเส้นทางการค้า”

ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานรายได้ค่าระวางที่ 1,649.7 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ  2 เมื่อเทียบกับปี 2567 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสที่ 4/2567 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากเรือเช่าตามจำนวนเรือเช่าเทียบเท่าที่เพิ่มขึ้น แม้อัตราค่าระวางเรือตลาดจะลดลง โดยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจฯ อยู่ที่ 10,565 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งยังคงสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 7,905 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 34 ในขณะที่ อัตราการใช้ประโยชน์เรือยังคงสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 99.3 และสามารถทำอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสูงสุดที่ 18,430 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขนส่งทางเรือ (OPEX) อยู่ที่ 4,272 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 19 โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 173.5 ล้านบาท โดยเป็นเจ้าของเรือจำนวน 25 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ 23 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,921 เดทเวทตัน และมีอายุเฉลี่ย 16.8 ปี

กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด รายงานรายได้จำนวน 3,980.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากปี 2567 และคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2567 ส่วนใหญ่มาจากงานรื้อถอน (Decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) โดยรายได้จากงานรื้อถอน งานขนส่งและติดตั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 จากปี 2567 เนื่องจากโครงการบริเวณอ่าวไทยที่เริ่มดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสที่ 2/2567 ขณะที่รายได้จากงานวิศวกรรมใต้ทะเลลดลงร้อยละ 19 จากปี 2567 เนื่องจากมีการนำเรือเข้าอู่แห้ง อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 100 ในไตรมาสที่ 1/2568 จากร้อยละ 83 ในไตรมาสที่ 1/2567 ส่วนรายได้จากงานวางสายเคเบิลใต้ทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากปี 2567 และร้อยละ 3 จากไตรมาสที่ 4/2567 เนื่องจากงานที่เพิ่มขึ้น โดยสรุป เมอร์เมดฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 152.8  ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบยังคงแข็งแกร่ง จำนวน 683.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 1/2568

กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร : บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้ที่ 926.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากปี 2567 จากปริมาณการขายปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น รายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากปี 2567 จากปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากปี 2567 เป็น 46.6 พันตัน เนื่องจากปริมาณการขายปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและการส่งออก นอกจากนี้ ปริมาณขายปุ๋ยในประเทศเวียดนามคิดเป็นร้อยละ 73 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมด หรือ 34 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากปี 2567 เนื่องจากการสะสมสินค้าล่วงหน้าของผู้ค้าส่งและเกษตรกรตามการคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ปริมาณส่งออกปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 จากปี 2567 และร้อยละ 147 จากไตรมาสที่ 4/2567 เป็น 12.6 พันตัน สนับสนุนโดยปริมาณส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศฟิลิปปินส์และประเทศแถบแอฟริกาที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากพิจารณาตามประเภทของปุ๋ย มีปริมาณขายปุ๋ยเชิงผสม (NPK fertilizer) เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 จากปี 2567 และร้อยละ 10 จากไตรมาสที่ 4/2567 เป็น 41.8 พันตัน ขณะที่ปริมาณขายปุ๋ยเชิงเดี่ยว (Single fertilizer) อยู่ที่ 4.8 พันตัน ในขณะที่ รายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปี 2567 เป็น 28.7 ล้านบาท โดยสรุป กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 16.4 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 423 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567

กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) : พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้น อยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 198 สาขาทั่วประเทศ

ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 31 สาขาทั่วประเทศ

กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์

บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 92.50 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 100

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon