Pi Daily กำไรไตรมาสแรกของ SET โดยรวมเป็นไปตามเศรษฐกิจที่มิค่อยดี และไตรมาสสองเชื่อว่าจะแย่กว่าเดิม รับผลเชิงลบจากท่องเที่ยวที่ทรุดตัว ยังเชื่อ Upside ด้านบนจำกัดเช่นเดิม

24

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 271 จุด (+0.65%) ได้แรงหนุนจากการปรับลองของ US Bond Yield ประกอบกับแรงหนุนจากหุ้น Cisco หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในงบการเงิน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.36% ถูกกดดันจากอิหร่านและสหรัฐฯอาจบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์

เมื่อวานที่ผ่านมามีรายงานออกมาว่าอินเดียจะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯทั้งหมดเพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจากอินเดียที่ 26% มองเป็นปัจจัยหนุนเชิงบวกระยะสั้นต่อการลงทุน ขณะที่สหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมารายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัว 2.4%YoY ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.5%YoY พร้อมกับยอดค้าปลีกขยายตัว 0.1%MoM ดีกว่าคาดการณ์ที่ทรงตัว สำหรับยอดค้าปลีกสหรัฐฯรายละเอียดภายในพบว่าเป็นการขยายตัวที่มิได้แข็งแกร่งเท่าใดนักสะท้อนผ่านยอดขายเกี่ยวข้องกับยานยนต์ (-0.1%MoM) ยอดขายสินค้าเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์กีฬา ร้านหนังสือก็ปรับลง (-2.5%MoM) แม้จะดีกว่าคาดการณ์แต่ภายในไม่แข็งแกร่ง โดยรวมแล้วทำให้ US Bond Yield ปรับลง และ Dollar Index อ่อนค่า ด้านปัจจัยในประเทศพบว่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน เม.ย. พบว่าลดลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อและต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 และเผชิญกับการปรับลงของ GDP จากหน่วยงานต่างๆ

นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง อยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน ส่งผลให้รายได้เกษตรมิได้เพิ่มขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตามมีปัจจัยบวกจากการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะหนุนความเชื่อมั่นให้ฟื้นตัว โดยรวมแล้วประเมินว่าสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่เผชิญหลายแรงกดดันทั้งการค้าและการท่องเที่ยว ทำให้ตลาดหุ้นไทยการฟื้นตัวยังจำกัดและไตรมาสสองเชื่อว่าจะเห็นตัวเลขทั้งผลประกอบการและเศรษฐกิจไทยย่ำแย่กว่าช่วงไตรมาสแรก ขณะเดียวกันผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q25 พบว่า Bloomberg Consensus ปรับลดคาดการณ์ SET EPS 25 มาเหลือเพียง 91.48 บาท / หุ้น จากก่อนหน้าช่วงต้นปีที่ 96 บาท / หุ้น ด้านหุ้น SET100 ข้อมูลจาก Bloomberg รวบรวมมาแล้วราว 91 บริษัท พบว่าจำนวนหุ้นที่กำไรขยายตัว YoY มีเพียง 38 หุ้น ส่วนกำไรลดลง YoY มีมากถึง 49 บริษัท ซึ่งกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ส่วนขยายตัว YoY หลักๆได้แก่สื่อสาร ค้าปลีกบางตัว (CPALL COM7) สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยรายงานมาก่อนหน้านี้ วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1180 – 1200 กลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยลดพอร์ตการลงทุนเช่นเดิมเพราะความเสี่ยงข้างหน้าจากตัวเลขเศรษฐกิจ (ท่องเที่ยว ส่งออก) รวมไปถึงผลประกอบการ แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงอาจเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่ผลประกอบการรายงานออกมาเด่น อาทิ CPALL CPF OSP AMATA MINT

MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท)
แม้มองว่าเศรษฐกิจมีความท้าทายเพิ่มขึ้น เราคาดว่า MTC จะสามารถรักษาการเติบโตสูงต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลง 15%YTD ทำให้ Valuation มีความน่าสนใจซื้อขายที่ 12.9x PE’25E เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 20.4x เรามีมุมมองเป็นกลางหลังการเข้าประชุมนักวิเคราะห์วานนี้หลังจากที่บริษัทยังคงเป้าหมายการเงินปี 2025 อย่างไรก็ดี ความท้าทายทางเศรษฐกิจสูงขึ้น เรามองว่าการเติบโตจะชะลอตัว และเน้นการควบคุมคุณภาพสินเชื่อเพื่อควบคุมหนี้เสีย

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท)
1Q25 รายงานกำไรสุทธิ 8549 ล้านบาท (+642%YoY,+105%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติที่ระดับ 8303 ล้านบาท (+11867%YoY,+38%QoQ) ดีกว่าที่เราคาดไว้มาก (เราคาดไว้เพียง 7000 ล้านบาท) สาเหตุหลักเกิดจากผลดีของราคาเนื้อสัตว์ที่อยู่ในระดับสูงรวมกับต้นทุนการเลี้ยงที่ลดลง ทำให้กำไรขั้นต้นสูงถึง 18.5% แนวโน้มช่วง 2Q25 เราคาดว่ากำไรยังคงอยู่ในระดับสูงได้จากผลดีของราคาสุกรในประเทศ ที่ล่าสุดปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 88 บาท/กก. และจากกำไรสุทธิในช่วง 1Q25 ที่ออกมาดีเกินคาด เราจึงอาจจะมีการปรับประมาณการขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ที่ 19946 ล้านบาท โดยจะรอดูผลประกอบการช่วง 2Q25 อีกครั้ง

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon