CGSI : กลุ่มเครื่องดื่ม ต้นทุนก๊าซที่จะสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ จะกดดันกำไร

18

มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.68 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ก๊าซในภาคอุตสาหกรรมอย่าง CBG และ OSP จ่ายค่าก๊าซในราคาที่สูงขึ้น เพราะการกำหนดราคาจะเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้ single pool gas (315 บาท/mmbtu ในเดือนก.พ.68) ซึ่งคำนวณจากราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของก๊าซในอ่าวไทย, ก๊าซจากเมียนมาและ LNG นำเข้า มาเป็นราคาที่อิงกับ LNG นำเข้าที่แพงกว่า (484 บาท/mmbtu ในเดือนก.พ.68) ดังนั้น ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซเป็นหลักจะมีต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะผู้ผลิตที่ใช้ก๊าซในการผลิตขวดแก้ว

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ มองว่า OSP น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า CBG โดยในปี 68 รายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่ม บรรจุขวดแก้ว (เครื่องดื่มชูกำลังและ C-vitt) ของ OSP มีสัดส่วนสูงถึง 58% ของรายได้รวม ส่วน CBG มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วเพียง 31% เนื่องจาก 46% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังเป็นสินค้าส่งออกในรูปแบบกระป๋อง ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น

ตามข้อมูลที่บริษัทเปิดเผย ต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีสัดส่วนประมาณ 3-4% ของต้นทุนการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังของ CBG หรือ 1.5-2.0% ของต้นทุนรวม ขณะที่ต้นทุนก๊าซของ OSP มีสัดส่วนประมาณ 6% ของต้นทุนรวม ดังนั้นหากตั้งสมติฐานว่าโครงสร้างราคาใหม่เริ่มบังคับใช้กลางปี 68 และส่วนต่างของราคายังคงเท่าเดิม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว น่าจะทำให้กำไรสุทธิของ CBG ลดลง 1.7% ในปี 68 และ 3.4% ในปี 69 ส่วนกำไรสุทธิของ OSP อาจลดลง 7.6% และ 16.9% ตามลำดับ

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังคงมองว่า CBG เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า OSP เนื่องจาก CBG มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่า และมีความเสี่ยงจากต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่า ส่วนปัจจัยบวกระยะสั้นที่จะช่วยหนุนราคาหุ้น คือ การเปิดเชิง พาณิชย์โรงงานในเมียนมาช่วงปลายไตรมาส 2/68 ซึ่งน่าจะช่วยให้ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทในตลาดนี้เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งช่วยกระตุ้นยอดขายในต่างประเทศ นอกจากนี้ CBG มีความเสี่ยงจากราคาก๊าซที่จะสูงขึ้นหลังปรับโครงสร้าง pool gas น้อยกว่า จึงยังแนะนำ “ซื้อ” CBG ที่ราคาเป้าหมาย 81 บาท

โดยยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) กลุ่มเครื่องดื่ม เพราะมองว่ากลุ่มนี้อาจมี upside หากการ บริโภคฟื้นตัวแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์หรือหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำตาลและอลูมิเนียมอยู่ในขาลงต่อเนื่อง ขณะที่ downside risk จะมาจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งอาจกระทบอุปสงค์ของเครื่องดื่มชูกำลังที่ผูกติดอยู่กับแรงงานในอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งการบังคับใช้สูตรราคาก๊าซที่อิงกับราคา LNG นำเข้า

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon