CGSI : Trend Spotter

11

มิติหุ้น – สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงปิดลบ (ดัชนี DJIA -0.3%, S&P500 -0.4%, Nasdaq -0.4%) แม้ปธน. ทรัมป์จะยังไม่สามารถโน้มน้าวให้สส. พรรครีพับลิกันบางรายยกเลิกคัดค้านร่างกฎหมายภาษีฉบับสำคัญเกี่ยวกับการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่สร้างความกังวลว่าจะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การที่ทรัมป์ยังคงแสดงความเชื่อมั่นผลักดันร่างกฎหมายนี้ สร้างความกังวลให้แก่ตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากปัญหาหนี้สินรัฐบาลนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิตจาก Moody’s ลงมา ประกอบกับการที่ประธาน Fed สาขาแอตแลนตาได้ออกมาสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพียง 1 ครั้งในปีนี้ แม้ว่าในคาดการณ์ Fed Dot Plot เดือนมี.ค. จะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.48% สะท้อนต้นทุนทางการเงินและความเสี่ยงในอนาคต ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำ +1.6%

สำหรับราคาน้ำมันดิบ -0.2% เผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในการเจรจาระหว่างสหรัฐ-อิหร่านและการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากรัฐบาลจีนที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ยังแสดงถึงการชะลอตัวการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,170-1,210 จุด แต่ยังคงภาพว่าดัชนี SET ไม่น่าจะผ่าน 1,200 จุดได้ เนื่องจาก Sentiment ลบตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ และ อาจเผชิญแรงขายทำกำไร ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคงไร้ปัจจัยสนับสนุนใหม่เข้ามา ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอยังคงมีอยู่ จากผลกระทบนโยบายภาษีศุลกากรสหรัฐซึ่งก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม

ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3-4 ถูกชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังในเฟส 1 นั้นส่งผลดีอย่างจำกัด เพื่อนำเม็ดเงินที่เหลือวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ไปใช้ในโครงการอื่นเพื่อรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีสหรัฐ โดยจะมุ่งเน้นไปที่ชุมชน SML, โครงสร้างพื้นฐาน, สนับสนุนการท่องเที่ยวที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมีนัยยะ หรือการเกษตร เพื่อลดผลกระทบภาคการส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ

ทั้งนี้ จับตารายงานตัวเลขส่งออกไทยเดือนเม.ย. ที่ตลาดคาดว่าจะเติบโตลดลงมาที่ระดับ 10.5% yoy (vs. เดือนมี.ค. +17.8%) โดยเรามองว่าการส่งออก 2Q25 น่าจะยังคงขยายตัวต่อไปเพื่อเร่งความต้องการสินค้าเข้าคลังในช่วงที่ภาษีศุลกากรยังถูก Overhang

เราจึงคงคำแนะนำ Trading ระยะสั้น Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว พื้นฐานและ Outlook ยังคงแข็งแกร่ง รวมถึงหุ้นที่มีโอกาส Technical Rebound หลังราคาปรับตัวลงไปลึก ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญกับความไม่แน่นอนของปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ

• หุ้นแนะนำ
GULF : เรามองว่า GULF เป็นหุ้นที่มีรายได้เติบโตสม่ำเสมอ, งบดุลแข็งแกร่ง, ความเป็นผู้นำตลาด และการขยายตัวในธุรกิจสาธารณูปโภคและ LNG

(Take profit : 49.25 / Stop loss : 47.75)

MINT : เราเชื่อว่า MINT จะมีกำไรสุทธิเติบโตตามเป้าด้วยการลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนและกลยุทธ์ “asset-light” ทั้งนี้ เราเชื่อว่าตลาดรับรู้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลงแล้ว อีกทั้ง MINT น่าจะได้รับผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐน้อยสุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมไทย

(Take profit : 25.75 / Stop loss : 24.9)

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon