มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 114 จุด (-0.27%) ถูกกดดันจากการปรับขึ้นของ US Bond Yield และความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.24% รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯยังคงมิได้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ทำให้การเคลื่อนไหวสินทรัพย์ต่างๆค่อนข้างทรงตัว ไม่ว่าจะเป็น US Bond Yield ตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำปรับขึ้น อาจสะท้อนถึงความกังวลบางอย่างจากนักลงทุนและในขณะเดียวกันตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้ Price In ปัจจัยหนุนด้านเจรจาการค้ากับผลประกอบการไปแล้ว ทำให้หลังจากนี้ความสนใจของนักลงทุนจะกลับมาให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจและเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ แต่ก็เชื่อว่าแม้อาจมีข่าวเจรจาแต่ก็มิอาจหนุนตลาดหุ้นได้มากนัก เพราะว่าการเจรจาครั้งใหญ่กับจีนได้ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับปัจจัยในประเทศยังคงไร้ปัจจัยใหม่ๆ หลังตลาดหุ้น Price In ผลประกอบการ 1Q25 และการลดดอกเบี้ยไปพอสมควรแล้ว โดยสรุปผลประกอบการ 1Q25 กำไรบริษัทจดทะเบียนรวมกันอยู่ที่ 2.57 แสนล้านบาท (+6%YoY +172%QoQ) Sector ที่กำไรขยายตัวเด่นได้แก่อาหารและเครื่องดื่มจากผลประกอบการของกลุ่มค้าขายเนื้อสัตว์ (CPF BTG TFG) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากผลประกอบการของหุ้น DELTA CCET กลุ่มสื่อสารจาก ADVANC TRUE
แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ย่ำแย่ต่อเนื่องได้แก่อสังหาริมทรัพย์และปิโตรเคมี แม้กำไรจะออกมาดูขยายตัวแต่ยังกังวลกับแนวโน้มในช่วงถัดไปจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่น่าจะผ่านช่วงดีสุดไปแล้วประกอบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวเริ่มลดลงอย่างมีนัยยะในช่วงเดือน มี.ค. ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่าตั้งแต่ช่วงต้นปีถึง 18 พ.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 13.4 ล้านคน (-1.8%YoY) นับเป็นการติดลบต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ หากพิจารณาเป็นรายสัปดาห์จะพบว่านักท่องเที่ยวมาเลเซีย (-20%WoW) และจีน (+2.2%WoW) แต่โดยรวมแล้ว (-5%WoW) หากปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวมิขยายตัวจะนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ทำให้กลุ่มเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอาจยังมิน่าสนใจแม้หุ้นจะปรับลงก็ตาม และล่าสุดนั้นค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ารัฐบาลได้ตัดสินใจเลื่อนการแจกเงินหมื่นให้กลุ่มวัยรุ่นในวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทแต่จะนำเงินดังกล่าวมาใช้ในการลงทุนน้ำ คมนาคม ท่องเที่ยว วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1175 – 1200 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพราะยังขาดปัจจัยหนุนเชิงพื้นฐานทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนการลงทุนในช่วงนี้เน้นเพียงระยะสั้น โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่กำไรดีกว่านักวิเคราะห์ประเมินไว้และมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง (CPALL CBG) กลุ่มที่กำไรไม่ผันผวนมากนักอย่างธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF)
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท)
ธนาคารมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 แข็งแกร่ง ที่ 16.5% (ยังไม่รวมกำไรใน 2H24) สามารถจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นได้เท่ากับในปี 2024 ที่ 8.50 บาทได้ หากกำไรปรับลดลงในปี 2025 อย่างไรก็ดี ไม่มีนโยบายการซื้อหุ้นคืน และไม่ได้ตัดโอกาสในการซื้อหุ้นคืน
CBG (ถือ / ราคาเป้าหมาย 65.00 บาท)
แนวโน้มยอดขายตลาดเครื่องดื่มในประเทศช่วง 2Q25 มีแนวโน้มดีขึ้น > 10%QoQ แม้ว่าส่วนแบ่งตลาด 25.7% ในเดือนเม.ย. 2025 จะใกล้เคียงกับ 25.4%/25.5%/25.8% ในเดือนม.ค./ก.พ./มี.ค. 2025 แต่เพิ่มขึ้นจาก 24.1% ในเดือนเม.ย. 2025 และช่วงเดือนม.ค. 2025 ที่ขายน้อยเนื่องจากลูกค้ายังมีสต็อคเดิมของช่วงปลายปี (ดีกว่าประมาณการเราที่คาดว่าจะทรงตัว QoQ)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon