CGSI : Trend Spotter

16

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนก่อนปิดผสมผสานแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยดัชนี DJIA (-1.4 จุด, -0.00%) และ S&P500 (-0.04%) ขณะที่ Nasdaq (+0.3%) หลังสภาฯ สหรัฐผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลทรัมป์ ที่รวมถึงการลดภาษีและการเพิ่มงบประมาณทางการทหาร สร้างความกังวลว่าในระยะยาว จะส่งผลให้ภาวะหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐและการขาดดุลการค้าของสหรัฐมากขึ้น ท่ามกลางความกังวลเงินเฟ้อเพิ่มสูงจากมาตรการภาษีศุลกากร

ประเด็นดังกล่าวกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐ เผชิญกับบอนด์ยีลด์สหรัฐ 30 ปี ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แตะทำนิวไฮระหว่างวันนับตั้งแต่ต.ค. 2023 ที่ 5.2% แม้ว่าในระยะสั้น การผ่านร่างกฎหมายนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลงมาที่ระดับ 4.5% ก็ตาม

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่างผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ลดลง 2,000 ราย มาที่ระดับ 2.27 แสนราย ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.3 แสนราย, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค. ขยายตัวที่ 52.3 สูงกว่าตลาดคาดที่ 49.9 / 52.3 สูงกว่าตลาดคาดที่ 51.0 (vs. เดือนเม.ย. 50.2 / 50.8) ขณะที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. ลดลง 20,000 ยูนิต มาที่ระดับ 4 ล้านยูนิต ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 4.15 ล้านยูนิต

ด้านราคาน้ำมันดิบ Brent -0.7% เผชิญกับความกังวลด้านอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังมีรายงานว่ากลุ่ม OPEC+ เตรียมหารือวันที่ 1 มิ.ย. นี้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค. ในอัตราที่เท่ากับแผนเพิ่มกำลังการผลิตเดือนพ.ค. และมิ.ย. ขณะที่ราคาทองคำ -0.6% เผชิญแรงขายทำกำไรและถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่ง Sideway ในกรอบ 1,165-1,185 จุด
แม้เรามองว่าอาจมีการรีบาวด์ในระยะสั้น แต่ภาพรวมดัชนี SET ยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน ทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะหนี้สหรัฐ และประเด็นการเมืองในประเทศที่กลับมากดดันอีกครั้ง หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชดใช้คดีจำนำข้าวกว่าหมื่นล้านบาท ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยก่อนการพิจารณาพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2026 สัปดาห์หน้า ขณะที่ตลาดยังคงขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภาษีศุลกากรที่ยัง Overhang

จับตาตัวเลขส่งออกไทยเดือนเม.ย. (26 พ.ค.) ที่ตลาดคาดว่าจะเติบโต 10.5% yoy (vs. เดือนมี.ค. +17.8%) ขณะเดียวกัน เรามองว่าการส่งออก 2Q25 น่าจะยังคงขยายตัวต่อไปเพื่อเร่งความต้องการสินค้าเข้าคลังก่อนภาษีศุลกากรจะกลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้งหลังจากที่ถูกชะลอออกไป

ทั้งนี้ หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาด เราเชื่อว่าอาจเห็นแรงซื้อเก็งกำไร โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไก่เนื้อ (ไทยส่งออกไก่สด 3M25 เติบโต +8.8% yoy) ที่ได้รับอานิสงค์จากการที่จีนและ EU ระงับการนำเข้าเนื้อไก่จากผู้ส่งออกรายใหญ่อย่างบราซิล เนื่องจากการระบาดของโรคไข้หวัดนก

รวมถึงติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายของรัฐบาลทรัมป์ที่จะถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภา เพราะหากผ่านร่างกฎหมายได้ อาจกดดันให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐถูกกดดันเพิ่มมากขึ้น

• หุ้นแนะนำ
CRC : แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของ CRC อาจอ่อนแอในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่าตลาดตอบสนองรุนแรงเกินไปเห็นได้จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงลึกช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เราเชื่อว่า CRC ยังมีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาวด้วยแพลตฟอร์มค้าปลีกที่หลากหลายและการรักษาวินัยด้านต้นทุน
(Take profit : 17.7 / Stop loss : 18.6)

KBANK : เรามองว่าราคาหุ้นของ KBANK จะได้รับอานิสงค์จากการที่ GULF ถือหุ้นใน KBANK เพิ่มขึ้นเป็น 5.23% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสามของธนาคาร
(Take profit : 166.0 / Stop loss : 163.0)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon