มิติหุ้น – Trend Spotter
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA (-0.61% dod, -2.47% wow), S&P500 (-0.67% dod, -2.61% wow) และ Nasdaq (-1.00% dod, -2.47% wow) ปิดลบรายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจาก
1) การปรับลด Credit rating ของ Moody จากความกังวลหนี้สหรัฐฯ,
2) ตลาดกังวลการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้อนุมัติต่อร่างกฎหมายเพื่อส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป
แม้ว่าการผ่านร่างกฎหมาย จะเป็นไปตามที่รัฐบาล Donald Trump ให้คำมั่นสัญญาไว้ แต่สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ (CBO) มีความกังวลว่าจะทำให้หนี้สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า
ปัจจัยลบดังกล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สะท้อนไปยังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 2 ปี/ 10 ปี และ 30 ปี ให้ปรับตัวสูงขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง พร้อมกับ fund flow ที่ไหลออกจากตลาดสหรัฐ โดย US dollar index ปิดลบ -1.85% wow
นอกจากนี้สงครามการค้าได้กลับมากดดันสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติมอีกครั้งในท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก Donald Trump ได้เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าจากสินค้า EU 50% เริ่มวันที่ 1 มิ.ย. 2025 อย่างไรก็ตามเช้านี้ ดัชนี Dow Jones future พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับการเลื่อนกำหนดการเรียกเก็บภาษีจาก EU ออกไปเป็น 9 ก.ค. 2025
สำหรับสัญญาทองคำ (COMEX) ปิดบวกที่ 3,365.8 US/Oz (+2.15% dod, +5.60% wow) จาก fund flow ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย, เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการ Risk off ในสินทรัพย์เสี่ยงจากพันธบัตรสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง
ด้านสัญญาน้ำมันดิบ (WTI) ปิดที่ 61.53 US$/bbl (+0.54% dod, -0.71% wow) ตลาดคาดว่า OPEC+ อาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ในเดือน ก.ค. โดยจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า
• SET Index : เราคาดว่า SET Index ยังคงเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบซึมบริเวณ 1,150-1,195 จากปัจจัยภายนอก หลังจากทิศทางพันธบัตรสหรัฐฯ ยังปรับตัวสูงขึ้นจากความกังวลหนี้ และการคลังสหรัฐฯ กดดัน sentiment การลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และ fund flow ที่ยังไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยจากสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐฯ จะเลื่อนเก็บภาษี EU ออกไปวันที่ 9 ก.ค. 2025 อาจเป็น sentiment บวกในระยะสั้นรายวัน แต่เราเชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยยะ
สำหรับปัจจัยในประเทศ เราเชื่อว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ทำให้ตลาดยังมี Overhang มีความยืดเยื้อต่อเนื่อง และ กดดันตลาดหุ้นไทย ดังนั้น กลยุทธ์ เรายังคงแนะนำกลุ่ม Domestic defensive ที่ไม่ได้รับความเสี่ยงจากสงครามการค้า และ High yield play อาทิ BDMS PR9, CPN, ERW, GULF, MTC
สัปดาห์นี้ ติดตาม
1) ตัวเลขส่งออก-นำเข้าไทย เม.ย. (วันนี้) ตลาดคาด 12.2% yoy (เดือนก่อน 17.8%), 7.3% yoy (เดือนก่อน 10.2%)
2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (CB) เดือน พ.ค. (วันนี้), รายงานการประชุม FOMC ของวันที่ 7 พ.ค. (พรุ่งนี้), ดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค (PCE) เดือน เม.ย. วันศุกร์
3) ผลประกอบการ Magnificent 7 อย่าง NVIDIA วันพุธหลังปิดตลาด
• หุ้นแนะนำ
CPALL : หลังจากผลประกอบการ CPALL ใน 1Q25 ออกมาแข็งแกร่งจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมถึง CPAXT ที่ 1Q25 แข็งแกร่ง (CPALL ถือหุ้น 59.9%) เรามองว่า EPS ยังคงเติบโตแข็งแกร่งใน 2Q25 รวมถึงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 7.5 พันล้านบาท สูงสุด 150 ล้านหุ้นใน 16 พ.ค.- 14 พ.ย. 2025 น่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในระยะสั้น
(Take profit : 51.0 / Stop loss : 46.0)
STECON : ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมาจากรายไตรมาสที่เหลือของปี และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7% ใน 2025F นอกจากนี้ STECON จะไม่บันทึกส่วนแบ่งการขาดทุนรถไฟสายสีชมพูและสีเหลืองใน 2Q25
(Take profit: 7.25 / Stop loss: 6.85)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon