มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี DJIA +1.8%, S&P500 +2.1% และ Nasdaq +2.5% รวมถึง Russell2000 +2.5% ขานรับ
1) ปธน. ทรัมป์กล่าวเห็นด้วยที่จะเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 50% ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. (จากเดิม 1 มิ.ย.) หลังได้รับคำร้องขอจากประธานคณะกรรมาธิการยุโรปสัปดาห์ที่แล้ว
2) ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. จาก CB ที่ขยายตัวที่ระดับ 98.0 ดีกว่าตลาดคาดที่ 87.1 (vs. เดือนเม.ย. 85.7) จากความหวังความคืบหน้าในข้อตกลงทางการค้า ขณะที่แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow จาก Fed สำหรับ 2Q25 ขยายตัว 2.2% (vs. 1Q25 หดตัว 0.3%)
3) บอนด์ยีลด์สหรัฐทั้ง 10 และ 30 ปี ที่ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 4.45% และ 4.96% ตามลำดับ และ
4) แรงซื้อหุ้นตามปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ Tesla (+6.9%) หลังอีลอน มัสก์ เผยว่าจะหันมาโฟกัสที่บริษัทแบบเต็มรูปแบบแทนการเมือง
การชะลอเรียกเก็บภาษีศุลกากรจาก EU สร้างความหวังความคืบหน้าเจรจาการค้า และเป็น Sentiment บวกให้ตลาดหุ้นภูมิภาคอย่าง STOXX600 +0.3%, FTSE100 +0.7% ขณะเดียวกันดอลลาร์แข็งค่า และสินทรัพย์ปลอดภัยจึงเผชิญแรงเทขาย (ราคาทองคำ -1.9%)
สำหรับราคาน้ำมันดิบ -1.0% จากความกังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลัง 1) ตลาดคาดว่าการประชุม OPEC+ วันที่ 31 พ.ค. นี้จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค. แม้ว่าการประชุมวันนี้ตลาดจะให้น้ำหนักคงอัตราการผลิตไว้ก็ตาม และ 2) ความคืบหน้าการเจรจานิวเคลียร์สหรัฐ-อิหร่าน ทั้งนี้ ติดตามรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจาก EIA วันนี้
นอกจากนี้ ติดตามรายงานผลประกอบการของบจ. สหรัฐ อย่าง Nvidia, Macy’s และ Costco รวมถึงรายงานการประชุม FOMC (29 พ.ค.)
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะยังคงซึมตัวในกรอบ 1,150-1,180 จุด โดยมีแรงซื้อขายตามปัจจัยเฉพาะตัว และมองว่าวันนี้อาจเห็นการรีบาวด์หลังดัชนี SET ปรับตัวลงกว่า 15 จุดเมื่อวานนี้ ประกอบกับ Sentiment บวกตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ขานรับสงครามการค้าสหรัฐ-EU คลี่คลายลง
วันนี้ จับตาการประชุมสภาฯ (28-30 พ.ค.) ที่จะมีการเสนอพิจารณาวาระ 1 พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 18.9% GDP) จากนั้นจะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญก่อนเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 ช่วง 13-15 ส.ค. และส่งให้วุฒิสภาปลายเดือนส.ค. โดยคาดว่าจะมีการประกาศใช้ช่วงต้นเดือนก.ย.
สำหรับร่างพ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 นั้น พบว่า 10 กระทรวงเศรษฐกิจมีงบประมาณรวมกัน 8.3 แสนล้านบาท นำโดยกระทรวงการคลัง 3.98 แสนล้านบาท
ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ได้รับการจัดสรรงบ 6,641 ล้านบาท ท่ามกลางปัจจุบันที่ภาคการท่องเที่ยวเผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งเราคาดว่าในเดือนพ.ค. จะอยู่ที่ 2.2 ล้านคน (-16% yoy) ซึ่งจะเป็นแรงกดดันหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน ทั้งนี้ เราคาดว่า RevPAR ของโรงแรมไทยใน 2Q25 จะลดลง 10-15% yoy
ประเด็นสำคัญตลาดหุ้นไทย GULF ได้ขายหุ้น KBANK จำนวน 9.15 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.386% โดยเรามองว่าการลดสัดส่วนการถือหุ้นครั้งนี้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบเพดานสินเชื่อของธปท.
• หุ้นแนะนำ
BJC : เรายังแนะนำ “ซื้อ” BJC จากแนวโน้มการฟื้นตัวของ BigC และผลกำไรที่สม่ำเสมอจากธุรกิจ Non-retail โดยเรามองว่า BJC เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในกลุ่มค้าปลีกที่ทำการศึกษา
(Take profit : 20.8 / Stop loss : 20.1)
MINT : เราเชื่อว่า MINT จะมีแรงสนับสนุนจากแผนกธุรกิจค้าปลีกที่มีการร่วมทุนกับ Pop Mart และ MINT น่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐน้อยที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมไทยเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศน้อย
(Take profit : 26.25 / Stop loss : 25.00)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon