Pi Daily เช้านี้มีรายงานว่าศาลสหรัฐฯ ระงับการใช้ภาษีนำเข้าของ Trump เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นทั่วโลก แนะเก็งกำไรกลุ่มส่งออก Top Pick ITC TU

37

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.58% (-244 จุด) หลังจากนักลงทุนซึมซับกับการรายงานผลประชุม FED ขณะเดียวกันได้จับตารอดูผลประกอบการ NVIDIA ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.26% หลังจากกลุ่ม OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมันนอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจาก Trump ไม่อนุญาตให้เชฟรอนส่งออก

เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ มีเพียงรายงานผลประชุม FED ในประชุมครั้งก่อนแต่ก็ถือว่ามิได้มีนัยยะใดต่อการลงทุน นักลงทุนจับตารอดูผลประกอบการ NVIDIA ซึ่งหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการพบว่า NVIDIA ได้รายงาน FY1Q26 รายได้อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+69%YoY) และกำไรสุทธิที่ 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+26%YoY) แต่อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 78% ในแง่กำไรสุทธินั้นถือว่าดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้เล็กน้อย (+2.3%) แต่อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงมองเป็นปัจจัยกดดันและอาจกำลังสะท้อนถึงบางสิ่ง นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญในช่วงเช้าได้แก่ศาลฝั่งสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าอัตราภาษีศุลกากรของ Republican ถือว่าผิดกฎหมายและถูกระงับโดยศาลการค้าสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเสาหลักของแผนงานเศรษฐกิจ Republican จากนี้รอดูท่าทีของ Trump ต่อการดำเนินนโยบาย ล่าสุด Dow Jones Future แกว่งบวก 1% และเป็นไปได้ที่เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียจะตอบรับเชิงบวกเช่นกัน แต่กับตลาดหุ้นไทยนั้นหากภาษีนำเข้าลดลงไประดับเดิมหรือคงไว้ที่ระดับ 10% ในอดีตที่ผ่านมาก็พบว่าเศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวได้ ในอัตราเพียง 2 – 3% เท่านั้น

เมื่อผสานกับการท่องเที่ยวที่เริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจนทำให้พื้นฐานของไทยนั้นถือว่ายังไม่แข็งแกร่ง ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่ค่อยเติบโตเท่าใดนัก ทำให้ภาษีของสหรัฐฯหากยกเลิกหรือว่าคงไว้ระดับ 10% ก็มีผลเชิงบวก (Upside) ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็จะช่วยจำกัด Downside ของเศรษฐกิจไว้ได้ แต่ปัญหาหลักของไทยวันนี้อาจเป็นที่การท่องเที่ยวมากกว่า เพราะฉะนั้นหากเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าที่ถูกจำกัด และทำให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นก็จะเป็นบวกกับเศรษฐกิจไทย แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นจากข่าวภาษีสหรัฐฯมองกลุ่มส่งออกรับปัจจัยหนุน (KCE DELTA HANA TU ITC) กลุ่มปิโตรเคมี (Sentiment) PTTGC IVL ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วง 1Q25 (ประมาณการครั้งที่ 2) Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ -0.3%QoQ และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.29 แสนราย วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1150 – 1180 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแม้จะมีปัจจัยหนุนจากภาษีสหรัฐฯแต่พื้นฐานไทยยังไม่แข็งแกร่ง หากภาษีนำเข้าถูกระงับเป็นเพียงปัจจัยจำกัด Downside แต่มิได้เพิ่ม Upside อย่างมีนัยยะ แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นอาจเลือก Trading ในกลุ่มส่งออก (ITC TU) กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC IVL) กลุ่มน้ำมัน (PTTEP) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB)

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท)

ถ้าไม่รวมรายการพิเศษอย่างการกลับรายการภาษีจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทร่วมในอินเดีย (AVANTI) ทำให้มีรายได้ภาษีเข้ามากว่า 381 ล้านบาทและรายการอื่นๆ จะมีกำไรปกติที่ระดับ 622 ล้านบาท (-32%YoY,-45%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ โดยถูกกดดันจากการชะลอตัวของกลุ่มอาหารแปรรูป (Ambient Seafood) ที่ลูกค้าบางส่วนชะลอคำสั่งหลังราคาปลาทูน่าปรับตัวขึ้นและฐานที่สูงในปีก่อน และอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) จากผลกระทบตามฤดูกาล แต่กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโตได้

ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท)

จากการที่ ITC มีลูกค้าหลักเป็นสหรัฐฯ กว่า 60% ทำให้มีโอกาสได้รับผล กระทบจากการปรับภาษีขึ้นอย่างมาก โดยเบื้องต้น ITC มีการประเมินผล กระทบ 2 รูปแบบคือกรณีอัตราภาษี 10% ช่วงที่เหลือทั้งปี และ อัตรา ภาษี 10% 2 เดือนและ 36% อีก 7 เดือน ทำให้มีการปรับประมาณการใหม่โดยคาดรายได้จะเติบโต 11-13% หรือ 6-8% ตามลำดับ จากเดิมที่เคย คาดไว้ที่ 13-15% รวมถึงทำให้กำไรขั้นต้นจะลดลงมาเหลือในกรอบ 20-25% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 26-27% โดยเบื้องต้นผลกระทบหลัก คาดว่าจะต้องรอดูว่าสุดท้ายอัตราภาษีจะเป็นเท่าใด ข่าวภาษีจึงเป็นปัจจัยหนุน

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon