ส่งออกไทยครึ่งหลัง แสงริบหรี่ปลายอุโมงค์

125

มิติหุ้น – ที่ผ่านมาการประกาศตัวเลขการส่งออกในช่วงไตรมาสแรก และเดือนเมษายนที่ผ่านมา การขยายตัวอย่างเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยลบต่างๆ ยังคงมีความเสี่ยงที่จะถาโถมเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจกดดันให้ยอดทั้งปีลดลงต่างจากปีก่อน

“ทรัมป์” ก่อความเสี่ยงใหม่

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า หลังศาลตัดสิน อาจทำให้ “ทรัมป์” หันไปใช้ Section 232 และ 301 เพื่อขยายรายการสินค้าหรือประเทศที่ถูกเก็บภาษีเพิ่มเติม แต่ต้องผ่านกระบวนการสอบสวนโดย USTR และกระทรวงพาณิชย์ซึ่งใช้เวลา รวมถึง “ทรัมป์” อาจผลักดันให้รัฐสภาออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการเก็บภาษีเข้ามาเพิ่มเติม ดังนั้น จากนี้ไปความไม่แน่นอนยังมีสูง ไทยยังต้องเจรจาลดการขาดดุลการค้าที่ไทยไม่เสียประโยชน์ โดยเฉพาะลดการสวมสิทธิจากจีน ขณะที่เรายังต้องการการลงทุนจากจีน แต่ย้ำว่าไม่เอาลงทุนศูนย์เหรียญ หรือที่ SME ไทยหรือผู้ประกอบการไม่ได้ประโยชน์

ศาลตัดสิน แต่ยังไม่จบ

ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย ยังคงเผชิญความเสี่ยงสูง ตามบริบทของความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ แม้ว่าล่าสุดศาลการค้าของสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งระงับมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) แต่ยังมีความเสี่ยงที่ “ประธานาธิบดีทรัมป์” จะใช้อำนาจตามกฎหมายอื่นๆ เพื่อเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม เช่นกฎหมายการค้าปี 1974 มาตรา 122 ที่อาจทำให้ประเทศต่างๆ รวมถึงไทยถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราไม่เกิน 15% ซึ่งจากความไม่แน่นอนดังกล่าว การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังจึงยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบ

ตลาดจีนยังเสี่ยง

ด้านกระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ (สคต.) ระบุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของจีนในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงอยู่ 2 ด้านหลัก คือ ปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ เศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะชะลอตัวจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับปัญหาหนี้ภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น การว่างงานภายในประเทศที่เป็นปัญหาเรื้อรัง และประชากรสูงวัยที่เริ่มกลายเป็นภาระทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา และยังมีปัจจัยภายนอกประเทศที่สำคัญที่สุดคือ สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงนับจากนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ขยายตัว 1% หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งแม้จะดูเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมาก แต่เป็นเป้าหมายที่สมจริงและสะท้อนถึงความระมัดระวังในการประเมินสถานการณ์

ตลาดญี่ปุ่นยังมีหวัง

แม้การส่งออกในตลาดอื่นๆ รวมไปถึงสหรัฐจะยังดูไม่ค่อยดีมากนัก ในส่วนของตลาดญี่ปุ่น ยังคงมีแนวโน้มที่ยังพอเติบโตได้ และเป็นความหวังการส่งออกไทย โดยในปัจจุบันการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอาหารซึ่งครองสัดส่วนกว่า 60% ของเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ แม้ค่าเงินเยนจะอ่อน แต่ความต้องการบริโภคยังสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ญี่ปุ่นมีจำนวนนักท่องเที่ยวพุ่งแตะ 37 ล้านคนในปีที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะซบเซา แต่ญี่ปุ่นยังต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารถึง 62% นี่คือจุดแข็งของไทยในการขยายยอดขายให้เติบโต 10,000 ล้านบาทในปีนี้

ท่ามกลางการค้าที่ผันผวนจนแทบไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่หากภาครัฐมีการวางแผนที่ตรงจุด ดำเนินนโยบายที่ถูกต้องทันเวลา ก็เชื่อว่าประเทศไทยน่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ เราคงได้แต่เอาใจช่วย และมาลุ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ไปว่าจะเป็นอย่างไร

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon